3 หนุ่ม ขับรถจากภาคใต้สู่ภาคอีสาน ระหว่างทางเกิดไฟลุกไหม้รถ จอดกลางถนนมิตรภาพหนีตาย ไฟไหม้ทั้งคัน แถมรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน
2 พ.ย. 2566, 09:29
วันที่ 1 พ.ย.66. เวลา 22.30 น. ศูนย์กู้ภัยสว่าง ได้รับแจ้งมีเหตุ ไฟลุกไหม้รถกระบะ อยู่ที่ ถ.มิตรภาพขาขึ้น จ.นครราชสีมา ตรงข้ามบริษัท บ้านเอื้อวิทยา ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจุดชุมชนเขาคูบาที่ใกล้ที่สุด และได้นำรถแสงสว่าง พร้อมกำลังจำนวนหนึ่งออกไปช่วยบริการจราจรปิดถนนไม่ให้รถผ่าน เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่รถที่วิ่งสัญจรไป-มา ให้วิ่งในเลนคู่ขนาน ซึ่ง ทำให้รถติดขัดเป็นจำนวนมาก
เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุ พบ เพลิงกำลังลุกไหม้ รถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า ไฮลัก รีโว่ สีขาว ทะเบียน 4558 สุรินทร์ และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ซูซุกิ จีดี 110 สีบรอนเทา ทะเบียน 1กม 50 สุรินทร์ ที่บรรทุกขึ้นหลังรถกระบะมา พร้อมมีเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย พอเสียงระเบิดสงบลง เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากนั้นจึงแจ้งไปยัง ร.ต.ท.ชีวิน เรืองคำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบ สภาพรถเหลือแต่ซาก ทั้งรถกระบะและรถจักรยายยนต์ ซึ่งรถใช้งานอะไรไม่ได้เลย จึงได้บันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นทราบว่า รถกระบะคันดังกล่าว ขับมาจากมจ.ประจวบคีรีขันต์ มุ่งหน้าไป จ.บุรีรัมย์ เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุ เกิดไฟลุกไหม้หลังรถกระบะ ซึ่งกำลังไหม้รถจักรยานยนต์อยู่ จึงได้รีบหักจอดกลางถนนเลนขวา แล้วรีบกระโดดหนีออกจากรถเพื่อเอาตัวรอด
จากการสอบถาม นาย วิโรจน์ นาทอง อายุ 26 ปี (คนนั่งเบาะหลังด้านในรถกระบะ) เล่าว่า ตนเองมาจาก จ.ประจวบฯ มุ่งหน้าไป จ.บุรีรัมย์ มาด้วยกัน 3 คน แต่ตนเองนั่งอยู่ข้างหลังด้านในรถกระบะ จู่ๆก็รู้สึกถึงอาการร้อนที่หลัง จึงได้หันไปดู ก็เห็นไฟลุกไหม้เต็มเลย ซึ่งไฟน่าจะไหม้มาจากรถจยย. แต่รถจยย.ก็ไม่ได้ติดเครื่อง เป็นรถจยย.ยี่ห้อ ซูซุกิ จีดี 110 จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ เป็นรถของแม่ยาย ตนเองไม่รู้ว่าไฟไหม้มาจากไหน แต่เห็นไหม้มาจากรถจยย. จะเอารถลงก็เอาลงไม่ทันแล้ว ส่วนรถมีประกันชั้น 1 และตนก็รู้เสียดายมากเพราะรถเป็นของพ่อตา
ด้านนาย ชรินทร์ โพธิ์แก้ว อายุ 27 ปี (คนขับรถกระบะ) เล่าว่า รถคันนี้เป็นของแม่ยาย ซึ่งแม่ยายได้ทราบเรื่องแล้ว เขาก็เครียดๆอยู่ ตั้งแต่ขับมาจาก จ.ประจวบฯ ได้จอดพัก 2 ที่ เพื่อจะมุ่งหน้าไปงานศพที่จ.บุรีรัมย์ ตนเองเป็นคนขับ ไม่รู้เลยว่ามีไฟไหม้ เพราะน้องคนที่นั่งข้างหลัง เขารู้สึกร้อนที่หลัง จึงหันไปดู เห็นไฟลุกไหม้รถจยย. ตนตกใจจึงรีบกระโดดหนีออกจากรถ และจะดึงรถจยย.ลงก็ดึงไม่ทัน เพราะมัดเชือกเอาไว้ ส่วนรถกระบะเป็นของแม่ยาย ตอนที่ได้ยินเสียงยางระเบิด ตนเองรู้สึกตกใจ เพราะระเบิดดังประมาณ 3 รอบ แต่ไม่รู้ว่าระเบิดมาจากตรงไหน แต่คิดว่าน่าจะเป็นยาง ตนกลัวจนลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ เพราะตอนที่วิ่งเข้าไปเอาโทรศัพท์ไนรถ ไฟได้ลุกลามเข้าไปถึงในตัวรถแล้ว ตนหยิบอะไรได้ก็รีบหยิบออกมา แต่ของน้องที่นั่งข้างหลัง/ไม่ได้เอาออกมาเลย ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากความร้อนใต้ท้องรถ ซึ่งรถจยย.อาจจะมีน้ำมันรั่วไหลซึมออกมานองอยู่ที่พื้นท้ายรถกระบะ อาจทำให้เกิดประกายไฟลุกไหม้รถจยย.คันดังกล่าวก็เป็นได้ ดีว่าไม่มีใครได้รับหรือเสียชีวิต///