รัฐบาลแถลงคืบหน้าปราบปรามหมูเถื่อน แจงกลุ่มห้องเย็นถ้ามีในครอบครองให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ
2 พ.ย. 2566, 14:57
วันนี้ ( 2 พ.ย.66 ) เวลา 11.20 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นายเทพสุ บวรเทพดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน และคดีทุจริตหุ้น STARK
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการแถลงข่าวว่า ตามที่มีปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลปัจจุบันจะเข้ามาทำหน้าที่ โดยเป็นปัญหาที่สร้างผลกระทบเรื่องความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างมหาศาล เป็นปัญหาที่คาราคาซังมานาน นั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการเด็ดขาดว่าปัญหาที่เรื้อรังมาก่อนหน้านี้รัฐบาลนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการเอาผิดตามกฎหมาย ได้เร่งรัดการทำงานอย่างเต็มที่ ในเรื่อง 1. การลักลอบการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ชิ้นส่วนหมู ที่มีการลักลอบนำเข้ามาหลายปีสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูที่ต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นการแพร่โรคระบาดในประเทศ และมีปัญหาสุขอนามัยกระทบต่อผู้บริโภค 2. หุ้นกู้ Stark ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดทุนในประเทศ ซึ่งในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน ดังนี้
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) แถลงความคืบหน้าในการดำเนินการของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้นำแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ ปปง. เร่งรัดการดำเนินการ นอกจากนี้ ประธานคณะกรรมการ ปปง. ได้สั่งการในฐานะบอร์ดกำกับนโยบาย ให้ ปปง. เร่งรัดดำเนินการโดยเฉพาะคดีสำคัญ ๆ ต้องเร่งรัดดำเนินการให้มีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยในคดีเกี่ยวกับการลักลอบเนื้อหมูจากต่างประเทศเข้ามา ปปง. ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อมีการกระทำความผิดทางอาญาแล้ว ปปง. มีหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งกรณีการลักลอบนำหมูเถื่อนเนื้อเถื่อนต่าง ๆ เข้ามานี้ ถือเป็นความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร และผู้เกี่ยวข้องจะมีเรื่องข้อหาฟอกเงินด้วย โดย ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ากลุ่มกระบวนการหรือเครือข่ายนี้ มีทั้งกลุ่มนายทุนและผู้อยู่เบื้องหลังในการทำธุรกรรมกับต่างประเทศในการนำเนื้อหมูเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้ง ปปง. ตรวจสอบช่องทางการนำเข้า ที่เป็นเรื่องของคดีอาญาด้วย และจะตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่มีส่วนในการกระทำความผิดตามหลักฐาน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน คดีหมูเถื่อนมีมูลค่าความเสียหายอย่างน้อย 3 พันกว่าล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบเป็นเครือข่ายอยู่ 3 คดีใหญ่ ๆ โดยกำลังตรวจสอบไปถึงตัวนอมินี ผู้เกี่ยวข้องสำคัญต่าง ๆ และพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 50 บริษัท โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการยึดอายัดทรัพย์ในส่วนที่ตรวจสอบพบ จะดำเนินการทันที และจะขยายผลเป็นรูปธรรมในเดือนธันวาคม มกราคม ต่อไป
เลขาธิการ ปปง. ยังกล่าวถึงเรื่องคดีหุ้น STARK ที่ได้มีการบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยการดำเนินการมีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่ง ปปง. ได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาอยู่ในพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายฟอกเงิน และเชิญสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาร่วมด้วย เพราะจำเป็นต้องตรวจสอบพฤติการณ์ในการสร้างราคาต่าง ๆ ตรวจสอบความบกพร่องว่าเกิดจากตรงไหน ซึ่งจะต้องตรวจสอบทั้งหมดในกรณีของหุ้น STARK โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการยึดอายัดทรัพย์ในชั้นต้นก่อน ซึ่งจะต้องประสานงานต่อไป เพราะทราบว่ามีการโอนเงินไปยังต่างประเทศ ดังนั้น จำเป็นต้องดำเนินการเป็นส่วน ๆ ไป หากพบก็จะยึดเลย และหากตรวจสอบพบอีกก็จะยึดอีก
ด้านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่าสำหรับกรณีหมูเถื่อนเป็นที่รับทราบข้อมูลกันแล้วว่าตู้คอนเทนเนอร์ที่มีหมูเถื่อนจำนวน 161 ตู้ เป็นของกลางที่กรมศุลกากรส่งให้กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดี แต่ในความห่วงใยของทางรัฐบาลฯ ในเรื่องนี้มีผลกระทบสูงต่อพี่น้องเกษตรกร ดีเอสไอได้ทำการขยายผลกับกลุ่มผู้ต้องหาที่นำเข้าตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 161 ตู้ เมื่อ ดีเอสไอ พบว่าภาพรวมตั้งแต่ปี 2563 - 2566 มีตู้คอนเทนเนอร์ที่ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศไทย ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ ดีเอสไอ ดำเนินการจำนวน 2,385 ตู้ สร้างมูลค่าความเสียหายในภาพรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ในเบื้องต้นได้จำแนกกลุ่มผู้ต้องหาเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก บริษัทชิปปิ้งที่ลักลอบหมูเถื่อนเข้าประเทศไทย กลุ่มที่ 2 กลุ่มนายทุน/กลุ่มว่าจ้าง ให้มีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศไทย และกลุ่มที่ 3 กลุ่มห้องเย็นต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มยี่ปั๊ว ซาปั๊วต่าง ๆ โดยความคืบหน้าในการดำเนินคดีในกลุ่มแรก ดีเอสไอได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับ 5 บริษัท คิดเป็นรายบุคคล 6 คน ได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 5 บริษัทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้ได้มีการขยายผลไปยังกลุ่มที่ 2 ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางดีเอสไอ ได้มีการตรวจค้นต่อกลุ่มนายทุนบริษัทที่สั่งให้บริษัทชิปปิ้งลักลอบหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศ ดีเอสไอได้พบพยานหลักฐานและผู้ต้องหา 2 ราย ที่ทางดีเอสไอได้ทำการออกหมายจับ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งความคืบหน้าทางคดีในเรื่องของการดำเนินการฐานความผิด เรื่อง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.โรคระบาด และคดีความผิดฐานฟอกเงินร่วมด้วย สำหรับในประเด็นเรื่องฟอกเงิน ดีเอสไอได้ร่วมกับสำนักงาน ปปง. อย่างใกล้ชิด คดีนี้ดีเอสไอจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม และแจ้งไปยังกลุ่มห้องเย็นทั่วประเทศ ณ ขณะนี้ถ้าหากมีหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้า และหากมีเจตนาที่จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจค้น สามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โทร. 1202 ติดต่อประสานงานได้ตลอดเวลา
ส่วนกรณีคดีทุจริตหุ้น STARK หรือบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่สร้างผลกระทบอย่างสูงต่อธุรกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องและดำเนินการตามกระบวนการแล้ว โดยขณะนี้ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคล 5 ราย และบริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 บริษัท โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการเร่งรัดที่จะดำเนินการ ซึ่งสมมติฐานสุดท้ายที่ดีเอสไอตั้งไว้คือในกลุ่มของบริษัทที่ต้องการตรวจสอบ หากพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายที่มีส่วนรู้เห็นร่วมด้วย ดีเอสไอก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา โดยเรื่องนี้ในประเด็นที่ตั้งข้อสงสัยสุดท้ายในเรื่องของบริษัทตรวจสอบบัญชี คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ สำหรับการดำเนินการติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี และทรัพย์ที่ส่วนใหญ่ถูกโอนถ่ายไปยังกลุ่มเครือญาติและต่างประเทศนั้น ดีเอสไอได้มีการดำเนินการติดตามซึ่งคาดว่าน่าจะมีข่าวดี ทั้งนี้ การทำงานในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอได้มีการทำงานร่วมกับ ป.ป.ง. อย่างใกล้ชิด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้ายว่า ตัวเลขความเสียหายเรื่องหมูเถื่อนประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท เป็นความเสียหายที่รัฐเสียผลประโยชน์จากการที่ควรจะจัดเก็บภาษีได้ แต่ความเสียหายที่กระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศนับเป็นหมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้และจะต้องจบในเร็ว ๆ นี้ พร้อมย้ำว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาก่อนรัฐบาลนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไม่นิ่งดูดาย ถือว่าเข้ามาทำหน้าที่แล้วต้องสะสางให้จบในเร็ววัน โดยนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุด คือ คณะกรรมการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปราม ตรวจสอบ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินคดีเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าประเภทสุกร เนื้อสุกร หรือชิ้นส่วนสุกร ที่ผิดกฎหมาย โดยมีนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ เพื่อทำงานคู่ขนานไปกับทีมกฎหมาย ด้วย