ภาค1 จับยาบ้า 4 ล้านเม็ด ลอบขนจากอีสานเข้าภาคกลาง
3 พ.ย. 2566, 12:37
วันที่ 3 พ.ย.2566 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามายังพื้นที่ภาคกลาง โดยได้นำของกลางซึ่งเป็นยาบ้าจำนวน 4,000,000 เม็ด
โดยขบวนการดังกล่าวเป็นปฏิบัติการร่วมกันของชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 3 หน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถสกัดจับได้ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย ได้แก่ นายสุรชาติ มูลสาร นายวิรงค์ เปรี้ยววงษ์ นายวิรอน เปรี้ยววงษ์ นายพงศ์อิทธิพล ขวานคร และนายณัฐสิทธิ์ สักการี สามารถสกัดจับรถบรรทุกขนาดเล็กขนยาบ้าจำนวน 8 กระสอบ 2,000 มัด รวมประมาณ 4 ล้านเม็ด พร้อมสามารถสกัดจับรถกระบะ 2 คันทำหน้าที่เป็นรถนำขบวนและรถปิดท้ายขบวน
ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พร้อมของกลางเป็นยาบ้าประมาณ 1,600,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี จากการสืบสวนขยายผลพบว่า เป็นขบวนการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามาส่งยังพื้นที่ภาคกลาง ทางตำรวจภูธรภาค 1 จึงได้เฝ้าระวังและติดตามจนสามารถได้เบาะแสว่า ขบวนการชุดเดียวกันนี้จะลำเลียงขนยาเสพติดอีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคม โดยใช้รถบรรทุก 4 ล้อทำหน้าที่เป็นยานพาหนะลำเลียงยาเสพติด โดยมีรถกระบะ 2 คัน ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลำเลียงจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านทาง จ.สระบุรีและพระนครศรีอยุธยา เข้ามายังพื้นที่ภาคกลาง
กระทั่งวันที่ 1 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 15:20 น ชุดปฏิบัติการ ได้สังเกตเห็นว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวพักจอดรถอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใน ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์และเข้าจับกุม โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 หรือยาบ้า จำนวน 8 กระสอบ 2,000 มัด รวมประมาณ 4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุก พร้อมด้วยอาวุธปืน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด
ทางชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งยังพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย เพื่อดำเนินคดีในข้อหา ร่วมการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหากไม่สามารถสกัดจับยาเสพติดล็อตนี้ หากกระจายสู่ตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 40 ล้านบาท และจะเป็นภัยต่อสังคมประเทศชาติอย่างมาก
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 5 รายให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า รับจ้างขนยาเสพติดเป็นคราว ๆ ไป โดยที่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง อย่างไรก็ตาม จากการขยายผลเพิ่มเติม พบว่าขบวนการดังกล่าว มีตัวผู้สั่งการเป็นคนไทยอยู่ในฝั่งประเทศลาว คอยรับยาเสพติดที่ผลิตจากสามเหลี่ยมทองคำส่งข้ามชายแดนแม่น้ำโขงที่ จ.นครพนมเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและติดตามตัวผู้สั่งการมาดำเนินคดีต่อไป