กรณีเมื่อวานนี้ น.ส.วิภาวัลย์ กำพลรัตน์ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านมินิมาทร์ เลขที่ 29 หมู่ 1 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ถูกคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน อายุประมาณ 30 – 35 ปี นางกาเกงยีนส์ สวมเสื้อแจ็ตเก็ต และสวมหมวกกันน็อค ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน ทำทีเข้ามาซื้อบุหรี่ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ น.ส.วิภาวัลย์ เผลอ เดินปรี่เข้ามาชิงสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ ก่อนจะหลบหนีหายไป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ความคืบหน้าวันนี้ 14 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าว onb news ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าร้านมินิมาทร์ดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนในหมู่ ซึ่งบ้านเรือนประชาชนแต่ละหลังอยู่ห่างประมาณ 100 - 200 เมตร ขณะที่ภายในร้านมีสิ้นค้าจำหน่ายหลายชนิด และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งภายใน และนอกร้านจำนวน 8 ตัว ขณะที่ น.ส.วิภาวัลย์ ผู้เสียหาย ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากตั้งแต่เปิดร้านมาประมาณ 2 ปี ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งที่ตอนเกิดเหตุเป็นกลางวัน มีชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเป็นระยะ คนร้ายยังกล้าลงมือก่อเหตุ

 

 

น.ส.วิภาวัลย์ ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวานนี้ตนอยู่ร้านมินิมาร์ทเพียงลำพัง ส่วนสามี ออกไปทำสวนห่างจากบ้านไม่มากนัก ระหว่างนั้นมีชายจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง ไม่ติแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดหน้าร้าน จากนั้นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายเดินมาที่หน้าร้าน ทั้งที่ยังสวมหมวกกันน็อค แต่คนร้ายได้เปิดกระจกหน้าหมวกกันน็อค สังเกตเห็นคนร้ายมีลักษณะผิวดำเข้ม รูปร่างผอมสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ซึ่งตนไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนคนร้ายอีกคนรูปร่างผอมตัวเล็ก ผิวสีดำ แต่ไม่เห็นหน้า เพราะนั่งสวมหมวกกันน็อคคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าร้าน จากนั้นคนร้ายขอซื้อบุหรี่จำนวน 1 ซอง ตนจึงหยิบบุหรี่ส่งให้คนร้าย แต่คนร้านแกล้งทำทีบุหรี่ที่ซื้อไม่ใช่ยี่ห้อที่ตนหยิบมาให้ ตนจึงเดินหันหลังไปหยิบบุหรี่ให้ใหม่ จังหวะนั้นเองคนร้ายได้เดินปรี่ตามหลังตน เมื่อตนหันหน้ากลับมาที่คนร้าย โดยที่ไม่ทันตั้งตัว คนร้ายใช้มือพยายามกระชากสร้อยคอทองคำของตน จึงเกิดการผลักดันไปมา ก่อนที่คนคนร้ายจะผลักตนจนกระเด็นไปติดตู้แช่ในร้าน ด้วยความกลัวตนจึงแกล้งส่งเสียงเรียกสามี เพราะคิดว่าคนร้ายจะกลัวและหลบหนีไป แต่คนร้ายยังไม่หยุดพยายามกระชายสร้อยคอทองคำ จึงเกิดยื้อแย่งกัน สุดท้ายสร้อยคอทองคำขาดติดมือคนร้าย แล้ววิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่บริเวณคอของตนมีเศษสร้อยคอทองคำเหลือติดอยู่เล็กน้อย หลังตั้งสติได้จึงโทรศัพท์บอกสามี และแจ้งตำรวจ

“ ตนเปิดร้านมินิมาร์ทดังกล่าวประมาณ 2 ปี ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนนี้รู้สึกกลัวและหวาดระแวงเป็นอย่างมาก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนคนร้ายคิดว่าน่าจะไม่ใช่คนในหมู่บ้าน แต่เป็นคนใต้แน่นอน เพราะขณะคนร้ายพยายามกระชากสร้อยคอทองคำนั้น คนร้ายพูดข่มขู่ตนว่า “เมิงอย่าดัง “ ขณะที่เพื่อนบ้านบอกว่าเห็นคนร้ายทั้งสองคนนี้ ขี่รถจักรายนต์เวียนกลับรถไปมาอยู่ประมาณ 2 – 3 รอบ คาดว่าน่าจะดูลาดเลาก่อนก่อเหตุ ตนยังกลัวว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุอีก จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว “