ญาติร้องนายก อบจ.ชุมพร ทวงถามเหตุโทร 1669 รับผู้ป่วยล้มในห้องน้ำ สุดท้ายเสียชีวิต
14 พ.ย. 2566, 15:14
วันที่ 14 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางกรรณิการ์ สิงห์อยู่ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173/2 หมู่ 11 ตำบลบางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร ว่าตนของความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบการทำงานของระบบการสั่งการของสายด่วน 1669 เพื่อขอรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน แต่ปรากฏว่ามีการรับส่งผู้ป่วยวิกฤตล่าช้ามากเนื่องจากมีจอดรอขนถ่ายเปลี่ยนรถเป็นเวลานานมากกว่าจะถึงโรงพยาบาลซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น สุดท้ายผู้ป่วยเสียชีวิต จึงทวงถามความยุติธรรมกับหน่วยงานที่ต้องออกมารับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวได้พบกับนางกรรณิการ์ ผู้ร้องซึ่งเจ้าของบ้าน พร้อมด้วยผู้เป็นแม่ อายุ 79 ปี และนางซิ้ม อายุ 90 ปี เพื่อนบ้าน โดยนางกรรณิการ์ เตรียมหลักฐานภาพถ่ายและคลิปวีดีโอขณะจับภาพของรถมูลนิธิฯนำคนไข้ขนถ่ายขึ้นรถโรงพยาบาลชุมพรฯให้ผู้สื่อข่าวดู โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น.วันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา หลานชายได้โทรศัพท์บอกตนขณะนั้นทำธุระอยู่นอกบ้านว่า สามีตนคือ นายรุ่ง สิงห์อยู่ อายุ 60 ปี ลื่นล้มในห้องน้ำถูกถังน้ำแตก จึงได้โทรหาศูนย์นเรนทร 1669 หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร โดยแจ้งว่ามีคนไข้ลื่นล้มในห้องน้ำขอรถพยาบาลให้รีบมารับ เจ้าหน้าที่ตอบกลับจะประสานงานให้
ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าอีกว่า หลังจากแจ้งบอกขอความช่วยเหลือแล้ว จึงรีบขับรถจักรยายนต์จากแถวๆค่ายทหารกลับบ้านที่ซอยโพธารส ตัวเมืองชุมพร พบว่ารถมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ จอดอยู่หน้าบ้านโดยมีเจ้าหน้าที่มาด้วยกันเป็นหญิง 1 ชาย 2 ตนเองจึงรีบเข้าไปดูอาการสามีโดยมีลูกชายคนโตกับหลานชายและคนข้างบ้านได้ยกสามีออกมานอนอยู่หน้าห้องน้ำ
ขณะนั้นสามียังมีสติได้บอกว่าแน่นหน้าอก และหน้าซีด อาเจียนรดบนเสื้อด้วย ทราบว่าก่อนหน้านั้นสามีตนร้องขอออกซิเจนแต่เจ้าหน้าที่บอกไม่มีให้ จะวัดแต่ความดันอย่างเดียว ตนจึงแนะนำว่าเอาคนไข้ขึ้นรถก่อนได้ไหมรีบไปโรงพยาบาลก่อนแล้วระหว่างนั้นค่อยช่วยเหลือคนไข้หรือวัดความดันกันบนรถ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงบอกเจ้าหน้าที่ผู้ชายอีกคนว่า ญาติไม่ให้วัดความดันแล้วเอาขึ้นรถไปเลย
จนกระทั่งผ่านไปสักพักลูกชายคนเล็กที่รับราชการทหารจากหน่วยฯเดินทางมาถึงพร้อมเพื่อนรวม 3 คน รีบเข้าไปยกผู้เป็นพ่อขึ้นรถมูลนิธิฯ ตนขับรถนำออกไปก่อนเข้าใจว่าคงจะรีบตามมา แต่ปรากฏว่ารถมูลนิธิฯไปจอดอยู่ระหว่างทาง บริเวณปากซอยโพธารส 11(ปรมินทรมรรคา 10 ซอย 11) ห่างจากบ้านประมาณ 100-150 เมตร ส่วนลูกชายกับเพื่อนที่เป็นทหารเห็นว่ารถจอดอยู่จึงวิ่งออกไปถามทราบว่าจอดรอรถโรงพยาบาล จนกระทั่งรถโรงพยาบาลมาถึงก็มีการขนถ่ายแต่หลังจากนำคนไข้ขึ้นรถโรงพยาบาลเสร็จก็ยังไม่รีบนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งยังจอดอยู่นานประมาณ 10 นาทีโดยมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวจับภาพได้
ขณะเดียวกันก็ได้ถามว่าทำไมไม่รีบพาคนไข้ไปโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่จึงออกรถนำส่ง เข้าห้องฉุกเฉินทำCPR เจ้าหน้าที่บอกว่าชีพจรกลับมา หมอให้สามียกขายกแขนตามที่หมอสั่งทำได้หมด ผ่านไปสักพักเจ้าหน้าที่กลับมาแจ้งว่าสามีไม่มีชีพจรแล้ว โดยมีหมอมาแจ้งการรักษาตามขั้นตอนแล้ว มีบันทึกรายงานการตายว่า “หัวใจวายเฉียบพลัน”
ขอทวงถามความรับผิดชอบว่าทำไมรถมูลนิธิมารับคนไข้แล้วไม่รีบนำส่งโรงพยาบาลทั้งที่อยู่ไม่ไกล แต่กลับไปจอดอยู่ในซอยและขยับไปจอดรอรถโรงพยาบาลเพื่อขนถ่ายบริเวณปากซอยอีก ตนถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่พูดโต้ตอบอะไรเลย อีกอย่างโทรแจ้งว่ามีคนไข้ลื่นล้มในห้องน้ำขอรถโรงพยาบาลแต่กลับให้รถมูลนิธิมาซึ่งไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือมาเลยสุดท้ายต้องมาเสียเวลาขนถ่ายอีกนานมากซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิด”
ด้านนางซิ้ม อายุ 90 ปี เพื่อนบ้าน แสดงความคิดเห็นว่า “เจ้าหน้าที่ละเลยกับคนป่วยเกินไป ถ้าสนใจคนป่วยอาจจะไม่ตายก็ได้ ถือว่าคนตายไม่สำคัญกับเขา จอดรถยืนคุยยายขอถามว่าสมควรทำแบบนี้ไหม รีบเอาคนป่วยขึ้นรถรีบส่งโรงพยาบาลคนป่วยอาจจะไม่ตายก็ได้ แต่นี่เหมือนรอความตายอยู่ในรถละเลยมากเกินไป”
ต่อมาภรรยาผู้เสียชีวิต และเพื่อนนำหนังสือร้องเรียนพร้อมหลักฐานภาพถ่ายคลิปวีดีโอ เดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรเพื่อขอพบนายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพรในฐานะผู้บังคับบัญชาดูแลศูนย์นเรนทร 1669 หน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมเล่าเหตุการณ์ก่อนสูญเสียสามีให้นายก อบจ.รับทราบ
นายนพพรฯ นายก อบจ.ชุมพร กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมาศูนย์รับแจ้งเหตุ 1669 องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนลื่นล้มในห้องน้ำศูนย์รับแจ้งได้สั่งการไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนประเด็นรายละเอียดนั้นผู้เสียหายติดใจหลายเรื่อง ไม่ว่าเรื่องการส่งรถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และนำคนเจ็บส่งรพ.แต่ไม่ส่งคนเจ็บทันทีโดยจอดรถระหว่างทาง ในส่วนของศูนย์รับแจ้งเหตุได้ชี้แจงรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบและในส่วนหนังสือร้องเรียนของผู้เสียหาย
ฉะนั้นเพื่อให้ทุกเรื่องมันจบนายก อบจ.จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง อย่างน้อยการทำงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรด้านเจ้าหน้าที่ก็เสียขวัญ และในส่วนของผู้เสียหายมีข้อกังวลหลายเรื่อง โดยทุกเรื่องต้องหาข้อสรุปให้จบ หลังจากนั้นจะชี้แจงกับผู้เสียหายและสื่อมวลชน”
เมื่อถามว่าทำไมต้องจอดรถขนถ่ายนานไม่รีบส่งโรงพยาบาลทันที นายก อบจ. ตอบว่า ศูนย์ 1669 ได้รับรายงานจากรถมูลนิธิฯที่ออกไปรับผู้ป่วยอาการหนัก ต้องหยุดทำCPR แต่ว่าทั้งนี้ต้องมีคณะกรรมการคนกลางขึ้นมาตรวจสอบทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกันศูนย์รับแจ้งเหตุก็จะคอนเทคอาการผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลด้วยโดยทางโรงพยาบาลจะคอยสั่งการนอกเหนือจากเป็นผู้รับแจ้งเหตุซึ่งมีขั้นตอนวิธีการตามแพทย์สั่งด้วย” นายก อบจ.ชุมพร กล่าวชี้แจง