เมื่อเวลา 18.30 น.  ร.ต.อ.กิตติกูล กองโคกกรวด รอง สารวัตร (สอบสวน)สภ.พานทองได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ถูกมีดปาดคอ เหตุเกิดบริเวณ หมู่4ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกู้ชีพโรงพยาบาลพานทอง เมื่อมาถึง พบนายศรัณยู จุกสีดา อายุ27ปีมีรอยมีดแหลมแทงที่คอจากการใช้มีดทิ่มคอตัวเอง กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลพนัสนิคมห่างกันเล็กน้อยพบนางสาวเกศริน บุญส่ง อายุ 26 ปี มีบาดแผลแทงที่ราวนม 2 ข้าง แขนซ้าย 1 แผล และถูกปาดคอหลอดลมขาด กู้ภัยทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพานทองแต่นางสาวเกศรินทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมานอกจากนี้ยังพบมีดปลายแหลมทำเองตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 47/1 หมู่ 4 ตำบลหนองหงษ์ ซึ่งอยุ่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ ที่จะได้ทำการสอบถามถึงสาเหตุเกิดขึ้นแต่ไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในบ้าน โดยที่เกิดเหตุพบรองเท้า 1 คู่ อยู่กับกองเลือด

จากการสอบถาม นายภาคภูมิเหลืองอ่อนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอบต.หนองหงส์ที่ได้เข้าไปตรวจสอบ ได้เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกาย เป็น ชาย 1 หญิง1เบื้องต้นหมดสติทั้งคู่จึงทำการประสานรถกู้ชีพโรงพยาบาลพานทองเข้าที่เกิดเหตุเพื่อรับผู้บาดเจ็บที่สองจากการสอบถามญาติของผู้บาดเจ็บทั้งคู่ทราบว่าทั้งสองได้เคลียร์ปัญหากันซึ่งก็ไม่ได้ดูปล่อยให้เคลียร์คุยตกลงกันจนมาทราบอีกทีพบว่าฝ่ายชายใช้มีดแทงและปาดคอแฟนสาว

ด้านทางนายประวิทย์บุญส่งอายุ46ปีพ่อของฝ่ายหญิงที่เสียชีวิตได้เดินทางมาดูร่างลูกสาวพร้อมกับเล่าว่าในช่วงเกิดเหตุตนเองไม่อยู่ไปทำงานส่วนผู้ก่อเหตุเป็นอดีตลูกเขยที่ได้มีการเลิกรากันไปได้อาทิตย์กว่าๆแต่วันนี้ก่อนเกิดเหตุคาดว่าฝ่ายชายน่าจะเข้ามาหาลูกสาว วัย 2ขวบที่มีเป็นลูกของทั้ง2คนที่ปกติก็มักจะมาหาหลังเลิกกัน แต่ก็ไม่เคยรู้ถึงนิสัยของอดีตลูกเขยรู้เพียงเป็นคนขี้หึงส่วนลูกสาวเป็นคนร่าเริงไม่มีอาการเครียดไปทำงานทุกวันก่อนหน้านี้เคยได้ยินฝ่ายชายเคยขู่ฆ่าลูกสาวหากเลิกกันซึ่งก็ได้มีการเรียกทางแม่ฝ่ายชายมาคุยกันที่ก็รับปากจะจัดการลูกชายให้ส่วนบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเป็นบ้านของที่ลูกสาวอาศัยอยู่ และได้ออกมาคุยกันนอกบ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจนถึงขั้นใช้มีดทำร้ายกันเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการอายัดตัวนายศรัณยูผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ที่อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาลพนัสนิคมเพื่อจะได้สอบสวนหลังรักษาตัวอาการดีขึ้นเพื่อหาสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป