"ทนายพัช" ค้านพยานทุกปาก คดี แอม ไซยาไนด์ ชี้ผู้ตายกินยาซึมเศร้า
20 พ.ย. 2566, 15:08
วันที่ 20 พ.ย.2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ อายุ 35 ปี พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 39 ปี อดีตสามีและอดีตรอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช อายุ 35 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
โดยวันนี้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี ที่ได้รับการประกันตัวต้องเดินทางมาศาลตามกำหนดนัดด้วย และ น.ส.ธันย์นิชา ทนายความ 2 จำเลย ส่วน น.ส.สรารัตน์ ถูกเบิกตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง
ทนายเดชาได้กล่าวภายหลังตรวจพยานหลักฐานคดีแอมไซยาไนด์ โดยศาลได้นัดหมายนัดแรกนัดสืบพยานนัดแรก 4 กรกฎาคม 2567 นัดแรกถึงวันที่ 19 กันยายน 2566 รวมทั้งหมด 25 นัด โดยวันนี้ทางจำเลยทั้งหมดได้ปฎิเสฐข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมทั้งพยาน88 ปาก ตัดไป1 ปากไม่ยอมรับเลย โดยจำเลยทั้ง3วันนี้ไม่มีพยานหลักฐานมาชี้เเจงต่อศาลเพิ่มเติม ส่วนมารดาของก้อยได้พยายามขอโทรศัพท์ไอโฟน ที่ขณะนี้นังไม่ได้รับคืนจากแอม แต่แอมกลับเงียบเฉย ซึ่งทั้ง 2ไม่ได้มีการเจรจาแต่อย่างใดโดยไม่ให้เหตุผล โดยมารดาของก้อยได้เดินไปต่อว่า นอกจากนี้ทางทนายพัชได้มีการกล่าวหาว่าก้อยผู้เสียชีวิตมีการเสพสารเสพติดจนถึงแก่ความตายก็ไม่ควรดำเนินคดีกับแอม
ส่วน น.ส.ธันย์นิชา กล่าวว่า ตนมาในหลายฐานะเป็นทนายจำเลย ทนายตัวเอง และเป็นจำเลย ได้ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะหลักฐานคัดค้านเอกสารวัตถุพยานของอัยการที่ไม่สามารถบรรยายฟ้องเรื่องข้อกล่าวหา ที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนครบองค์ประกอบของความผิดเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ เรื่องการนำเข้าสารไซยาไนด์ในร่างกายโดยวิธีใด ทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง
ตนได้แถลงต่อศาลว่าผู้เสียชีวิตได้เสพยาซึมเศร้าไม่ใช่สารเสพติดตามที่นายเดชากล่าวแต่อย่างใด อ้างมีหลักฐานชัดเจนที่ก้อยเป็นคนกินก่อนที่แอมจะว่าจ้างให้เป็นทนายความ โดยทานยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลไทรโยคนานแล้ว รวมทั้งผลชันสูตรศพก็มีสารตัวดังกล่าวอยู่
น.ส.ธันย์นิชา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่แม่ของก้อยได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนเกือบ 30 ล้านบาทก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้แต่ ในเมื่อแอมไม่มีความผิดนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจ่าย รวมทั้งเรื่องโทรศัพท์ไอโฟนของก้อย ขอให้ทางแม่ก้อยไปติดตามเอาเองที่ สภ.บ้านโป่ง