"ธรรมนัส" นำแถลงคืบหน้าปราบหมูเถื่อน สินค้าเถื่อน ตามนโยบายนายกฯ
24 พ.ย. 2566, 15:28
วันนี้ (24 พ.ย. 66) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงความคืบหน้ากรณีการปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน โดยมี นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและการจัดเก็บภาษีกรมศุลกากร ร่วมการแถลงข่าวด้วย เมื่อเสร็จสิ้นการแถลงฯ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
อธิบดีกรมปศุสัตว์แจ้งว่าจากการดำเนินการปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อน ตั้งแต่ 10 ตุลาคม 2566 ห้องเย็นที่กรมฯ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กอ.รมน จังหวัด ดีเอสไอส่วนกลางและภูมิภาค ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ร่วมดำเนินการตามข้อสั่งการของ รมว.กษ. ได้ตรวจสอบห้องเย็นทั้งสิ้น 2,210 แห่ง นับเป็นห้องเย็นที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานทุกแห่ง และห้องเย็นที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งอาจเป็นห้องเย็นขนาดเล็ก ผลการบังคับใช้พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ 2558 และพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อจำหน่ายเนื้อสัตว์ 2559 ซากสัตว์ที่ถูกอายัติดำเนินคดี โค กระบือ สุกร สัตว์ปีก รวมซากสัตว์ทั้งหมดจากการประกาศสงครามกับการค้าสัตว์ผิดกฎหมาย 2,568,322 กิโลกรัม อยู่ใน 35 จังหวัด นับเป็น 92 คดี เป็นคดีที่ผิดทั้งในประเทศ อาทิ โรงฆ่าเถื่อน ไม่มีแหล่งที่มา หรือไม่ได้ขออนุญาต
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่าดำเนินการตามมาตรการ นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเคร่งครัด ร่วมบูรณาการในการตรวจสอบตั้งชื่อชุดฉลามขาว และให้ประมงจังหวัดปูพรมร่วมกับปศุสัตว์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตรวจสอบห้องเย็นจำนวน 2,062 แห่ง ส่วนการนำเข้าสัตว์น้ำ กรมประมงเร่งรัดดำเนินการ เพื่อประสานนำข้อมูลกับ DSI กรณีพบหลักฐานว่าเป็นสัตว์น้ำหรือสัตว์ชนิดอื่น กรมประมงจะเร่งรัดดำเนินการต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวถึงชุดปฏิบัติการพิเศษซึ่งได้แต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่ทำงานลับและสามารถตรวจค้นได้ทันที โดยอาศัยพ.ร.บ โรคระบาด ซึ่งในเรื่องคดีต่าง ๆ ได้ทำงานแบบบูรณาการระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมศุลกากร DSI ปปง. อย่างเอาจริงเอาจรัง จนกลายเป็นคดีที่พิเศษที่ นายกรัฐมนตรีและประชาชนให้ความสนใจ
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งของกลางหมูเถื่อน 161 ตู้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้บูรณาการสืบสวนสอบสวน มีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและอาชีพของเกษตรกร เป็นการทำความผิดจากนายทุนข้าราชการ ซึ่งจากการตรวจสอบคดีเกี่ยวกันกับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงส่งเรื่องไปที่ ปปช. ระหว่างที่ดำเนินการจึงพบว่ามีกระบวนการนี้มีการนำเข้าของเถื่อนมาในห้วงห้ามนำเข้าเศษซากหมูในปี 2564-2566 จำนวน 2,385 ตู้ ได้ดำเนินการควบคู่ไปกับ ปปง. จะมีการยึดทรัพย์คู่ขนานไปด้วย ในส่วนของคดีที่ 2 ที่เป็นอุปสงค์ให้กับคดีแรก พบว่าเช้าวันนี้มีผู้เข้ามอบตัว โดยรมว.ยธ. สั่งการให้เร่งดำเนินการเอาผิดกับทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อว่าจะมีความคืบหน้า เพราะเกี่ยวข้องกับอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร จะดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด
รองเลขาธิการ ปปง. ส่วนของ ปปง. ความผิดตาม พรบ. ศุลกากร ลักลอบนำเข้า รับสินค้าหลบหนีภาษีศุลกากรเป็นความผิดมูลฐาน และอยู่ในอำนาจ ปปง. ทั้งสัตว์ อาหาร พืช โดยความผิดจากที่ DSI ได้กล่าวมา ปปง. ได้เอาผิดและยึดทรัพย์ 8 บุคคล 6 บริษัท ยึดแล้วประมาณ 53 ล้าน และระหว่างนี้ได้ประสานกับดีเอสไอถึงพยานหลักฐาน และจะดำเนินการยึดทรัพย์กลุ่มต่อไป โดยไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดี ผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกลุ่มที่ ปปง. จะดำเนินการทางแพ่งและยึดทรัพย์มาดำเนินคดีในชั้นศาลทั้งหมด ผู้ที่เกี่ยวข้องจำต้องไปชี้แจงการได้มาถึงทรัพย์ดังกล่าวในชั้นศาลอีกทีหนึ่ง เพื่อคุ้มครองสินค้าอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ หรือสินค้าทางการเกษตรของพี่น้องประชาชนที่เป็นเกษตรกรได้ราคาที่เหมาะสม และไม่มีการนำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาทำลายราคา ไม่ทำให้พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ยืนยัน ปปง. ดำเนินการสุดความสามารถ
ที่ปรึกษากรมศุลกากร ตามนโยบายที่รัฐบาลเข้มงวดกับสินค้าเกษตรเถื่อนทุกประเภท ปัจจุบันศุลกากรตรวจสอบเข้มข้นและบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานพื้นที่ หากมีข้าราชการเกี่ยวข้องจะตั้งกรรมการสอบหาผู้กระทำผิด ในส่วนของการตรวจสอบนอกเหนือจาก 161 ตู้ที่อายัติอยู่ระหว่างตรวจสอบ เราได้ดำเนินการจับอีก 92 ตู้ ที่แหลมฉบัง เป็นหมู 16 ตู้ เป็นสินค้าเกษตรอื่น ๆ อีก เนื้อวัว ขาไก่ ตามแนวชายแดนได้ตรวจสอบในพื้นที่ให้บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อตรวจสอบ
ช่วงชี้แจงสื่อมวลชน
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า ณ เวลานี้ กลุ่มผู้กระทำความผิด ได้ซักทอดไปถึงกลุ่มที่ 2 ซึ่ง DSI ได้ส่งสรุปสำนวนถึง ปปช. แต่ข้อมูลยังเป็นความลับ ส่วนเรื่องความผิดรายย่อย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการทุกคดี ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างจริงจัง ทำงานเชิงรุก ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยสามารถสืบสวนถึงต้นตอได้ทั้ง 161 ตู้ ประกอบด้วยกลุ่มนักการเมือง กลุ่มพ่อค้า และกลุ่มระดับลูกจ้างทั้งหมด อีกทั้ง ในขณะนี้ ทุกหน่วยงานได้เซตซีโร่ห้องเย็นทั้งหมด หลังจากนี้ไปจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2566 หากไม่มาขึ้นทะเบียน จะถือว่าเป็นห้องเย็นเถื่อน ซึ่งรวมไปถึงห้องเย็นที่อยู่ตามรถบรรทุกต่าง ๆ ด้วย และรวมไปถึงกรณีการนำเข้าเถื่อนในประเภทอื่น ๆ นอกจากเหนือจากหมูด้วย เช่น สินค้าการประมง เกษตร ยางพารา
ทั้งนี้ ส่วนของขั้นตอนการฝังกลบ ภายในสิ้นเดือนนี้จะฝังกลบทั้งหมด โดยขอสงวนสิทธิ์ว่าเป็นความลับ เนื่องจากยอมรับว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง จะมีขบวนการที่ทำให้เราไม่สามารถดำเนินการได้ และหลังจากที่ทำลายเรียบร้อยทั้งหมดภายในสิ้นเดือนนี้ จะเปิดเผยรายละเอียดให้สังคมได้รับทราบต่อไป