พ่อ "สามเณร" สุดทน!! พาลูกชายแจ้งความ "เจ้าอาวาสวัด" กักขังในกุฏิ-บังคับให้ช่วยสำเร็จความใคร่
15 ต.ค. 2562, 19:21
วันนี้ (15 ตุลาคม 2562) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายพงษ์พิสุทธิ์ บุญทัน อายุ 33 ปี นำตัวสามเณรนัท นามสมมติ อายุ 13 ปี บุตรชาย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี หลังสามเณรนัท ถูกพระครูสังฆรักษ์วินัยอินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม กักขังตัวให้อยู่แต่ในกุฏิของหลวงพ่อนาน 5 วัน ไม่ยอมให้ออกไปไหน ก่อนบังคับให้บีบนวด และให้สำเร็จความใคร่ทุกวัน จนสามเณรทนไม่ไหวต้องโทรบอกพ่อและพี่สาวให้ช่วยพาตัวย้ายไปอยู่ที่วัดอื่น ก่อนตัดสินใจนำเอาข้อความแชทที่สามเณรเล่าเหตุการณ์ รวมถึงข้อความที่ทางหลวงพ่อส่งให้ตัวสามเณร เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดย นายพงษ์พิสุทธิ์ กล่าวว่า ลูกชายของตนมาบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 กระทั่ง ต้นเดือนกันยายน ลูกชายได้โทรมาหาน้องสาวของตน บอกว่าอยากย้ายวัดไม่อยากอยู่ที่วัดแห่งนี้ เมื่อน้องสาวของตนเค้นถาม จึงทราบความจริงว่าลูกชายถูกหลวงพ่อล่วงละเมิดทางเพศ หลังทราบเรื่อง ตนได้บอกให้ลูกชายอดทนและพยายามรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนาส่วนตนประสานกับพระในวัดเพื่อหาทางพาลูกชายไปอยู่ที่วัดอื่น กระทั่ง ล่าสุด สามารถพาลูกชายไปอยู่ที่วัดไชยชุมพลชนะสงครามได้ ขณะที่ตัวของสามเณรนัท ได้เล่าเหตุการณ์ว่า หลวงพ่อ มักจะเรียกให้ตนเข้าไปหาที่กุฏิ พร้อมบอกให้ช่วยบีบนวด ก่อนจะบังคับให้สำเร็จความใคร่ทางเพศให้เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง บางช่วงถูกหลวงพ่อบังคับให้อยู่แต่ในกุฏิหลวงพ่อไม่ให้ออกไปไหน หากออกไปก็จะถูกตี ด้วยความกลัวหลวงพ่อเพราะหลวงพ่อมีมีด และชอบบอกว่ามีปืนอยู่ในกุฏิ สามเณรนัท จึงไม่กล้าขัดขืน เมื่อมีโอกาสจึงพยายามโทรหาน้าสาวและโทรบอกพ่อ ให้ช่วยย้ายตนเองไปจำวัดที่วัดอื่น กระทั่ง มีพระในวัดที่ยื่นมือเข้าช่วยจนสามารถพาตนออกจากกุฏิหลวงพ่อ และย้ายไปอยู่วัดอื่นได้สำเร็จ ซึ่งภายหลังทราบว่า พระรูปดังกล่าว ถูกหลวงพ่อด่าว่า และทำร้ายร่างกายเช่นกัน โดยหลังเข้าแจ้งความแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมนำตัวสามเณรไปสอบสวนหาข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี หากพบว่ามีมูลเตรียมออกหมายเรียกเจ้าอาวาส เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่บริเวณวัดอินทาราม ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีประชาชนที่ทราบข่าวเรื่องนี้ ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เชื่อและไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ศาลาการเปรียญของทางวัด เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น
โดยมีพระครูกาญจนสุตาคม เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง พระครูวิสิทกาญจนกิจ เจ้าคณะตำบลวังขนาย นายสมศักดิ์ สำมะโน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจากการพูดคุย ทางพระครูสังฆรักษ์วินัยอินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศ สามเณรนัทอย่างที่ถูกกล่าวหา รวมทั้ง ไม่ได้ทำร้ายร่างกายและชักปืนข่มขู่ พระนัทธี สิริจันโท ภายในพระอุโบสถของวัดอย่างที่ถูกกล่าวหา มีเพียงการต่อว่าและผลักอกพระนัทธี เนื่องจากไม่พอใจที่พระนัทธีหายออกไปจากวัดโดยไม่บอกกล่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าคณะอำเภอท่าม่วง ได้มีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งสองกรณีอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนเรื่องคดีความทั้งสองกรณี ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล
ด้าน พระนัทธี สิริจันโท อายุ 41 ปี พระลูกวัดอินทาราม ซึ่งเป็นผู้ที่ช่วยเหลือ สามเณรนัท และเป็นผู้ที่ถูกเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ต่อว่าและทำร้ายร่างกายในพระอุโบสถของทางวัดไม่กล่าวว่า สาเหตุที่ตนถูกทำร้าย น่าจะมาจากการที่ตนช่วยเหลือสามเณรนัท ประกอบกับตน ได้มีการติเตียนทางเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ว่าไม่ค่อยปฏิบัติกิจของสงฆ์ ทำให้ตนถูกเจ้าอาวาสทำร้าย โดยการเตะเข้าที่ไหล่ขวาจนตนล้มลง ก่อนที่เจ้าอาวาสจะเข้ามาเหยียบหน้าอกซ้ำและขึ้นมาตบและทุบตีตน ที่บริเวณใบหน้าอีกหลายครั้ง ซึ่งตนก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้วเช่น และมารดาก็ได้มาช่วยขนย้ายออกจากวัดอินทาราม เพื่อไปจำวัดส้มใหญ่แทนเพื่อป้องกันความปลอดภัย