จากกรณีพบ ศพหญิงไทย (ไม่ทราบชื่อ) สวมเสื้อคอกลมสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ( คล้ายกางเกงบ็อกเซอร์ผู้ชาย ) ถูกห่อด้วยผ้าห่ม สีชมพูคาดสีเขียวออก ทิ้งศพอยู่ในร่องน้ำ ข้างไร่มันสำปะหลัง ห่างจากถนนหมายเลข 331 ระหว่างหลัก หลัก กม. 17-18  ( สัตหีบ - นครราชสีมา ) มุ่งหน้าเข้าโคราช หมู่ 13 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภายในศพยังพบผ้ายันต์สีเขียว ซึ่งเป็นยันต์ ไอ้ไข่ วัดสิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยศพมีบาดแผลถลอกยาวประมาณ 10 ซม.บริเวณต้นขาขวา เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน จนศพเริ่มเน่าขึ้นอืด เบื้องต้นตำรวจยังไม่ฟันธง ว่าเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด ต้องรอผลชันสูตร จากสถาบันนิติเวช แต่จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เชื่อมีคนนำร่างผู้ตายมาทิ้งและอำพรางศพ ก่อนจะมีผู้มาพบ

 

ล่าสุด เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ( 3 ธ.ค.66 ) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งจากอยู่ห่างจาก สภ.ห้วยใหญ่ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร โดยได้ภาพถ่ายสภาพศพ ที่มีการไปพบครั้งแรก ซึ่งสภาพของศพ ถูกทิ้งในร่องทางน้ำไหล ข้างไร่มันสำปะหลัง และมีการพยายามอำพรางศพ ด้วยการนำแผ่นไม่อัดเก่าๆ เศษกิ่งไม้ ต้นหญ้า และ แผ่นพลาสติกเครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง มากองสุ่มทับร่างผู้ตาย เพื่อปิดบังซ่อนเร้นไม่ให้ใครมองเห็น มีเพียงข้อมือด้านขวาที่โผล่ออกมา ถ้ามองครั้งแรกก็จะรู้ทันทีว่าเป็นมือของผู้หญิง เนื่องจากไว้เล็บยาวทั้ง 5 นิ้ว และสวมใส่แหวนเงินที่นิ้วกลาง นอกจากนี้ ยังตรวจสอบสภาพศพ ในเบื้องต้น ผู้ตายน่าจะอายุ ประมาณ 30-40 ปี บริเวณต้นคอด้านหลัง มีการสักคำว่า ”สายเถื่อน“ แผ่นหลังข้างซ้าย สักรูปเศียรพ่อแก่ คู่กับฤาษีตาไฟ