วันที่ (16 ต.ค.62) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง บ้านเลขที่ 4 หมู่ 6 ถนนอุดร – หนองบัวลำภู ต.โคกสะอาด อ.เมืองอุดรธานี หลังจากได้รับแจ้งจากครูโรงเรียนนิคมสร้างตนเองเชียงพิณ 3 อ.เมือง จ.อุดรธานีว่า มีเด็กป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งเด็กคนนี้เป็นเด็กเรียนดีทำกิจกรรมเด่น และเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน และแม่ต้องพานั่งรถประจำทางเข้ามาฟอกไตในตัวเมืองอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ระยะทางไปกลับเกือบ 50 กม.

 

และจากการเดินทางไปตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีนางโสพา สิงหราช อายุ 50 ปี กับนายศักดา กฤษคม อายุ 15 ปีหรือ “น้องบอย” อาศัยกันอยู่ตามลำพังในบ้านไม้ยกพื้นสูงสภาพเก่า ข้างบ้านมีเพิ่งพักทรุดโทรมเล็กๆ อีกแห่งที่ทั้ง 2 ใช้เป็นที่พักผ่อน

 

นายศักดา กฤษคมหรือ “น้องบอย” กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะกำลังเรียนชั้น ม.1 มีอาการปวดหัวมากแล้วไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลหนองวัวซอ หมอตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่าความดันโลหิตสูง และไตทำงานหนัก จึงถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลอุดรธานี และส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เนื่องจากที่รพ.อุดรธานีตอนนั้นไม่มีเครื่องมือตรวจวินิจฉัย ทันที่ที่ไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ทำการเจาะน้ำไขสันหลังตรวจและพบว่าตนป่วยเป็นโรคไตระยะที่ 4 ต้องคุมน้ำและอาหาร

 

ตลอดเวลาเรียนจนจบ ม.3 ตนควบคุมน้ำและอาหารมาตลอด อาการทรุดหนักมากหลังจากตนไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนร่วมทำวัดในตัวอำเภอหนองวัวซอ และตนก็ได้รับประทานอาหารแสลงจนตัวบวมขาบวมและเหนื่อยมาก จึงได้ไปรับการรักษาอีกครั้งที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลหนองวัวซอ โดยแจ้งอาการกับหมอว่าตนป่วยเป็นโรคไต หมอจึงนำปัสสาวะไปตรวจและหมอได้ปรึกษาหารือวินิจฉัยและลงความเห็นว่าจะต้องทำการฟอกไตทันที ซึ่งหากไม่ฟอกไตของเสียในร่างกายจะออกไม่หมดอาจอันตรายถึงชีวิตได้ หลังจากตัวเองป่วยก็ไม่ทำก็ไม่ได้เรียนต่อ ไม่สามารถช่วยงานหนักที่บ้านได้แต่ก็ยังดีที่สามารถช่วยแม่ล้างจาน กวาดบ้านได้ ทั้งนี้หากเป็นไปได้อยากได้อุปกรณ์ที่จะล้างและทำความสะอาดไตด้วยตนเองที่บ้าน เพราะอุปกรณ์ตัวนี้สามารถทำเองได้ที่บ้านและประหยัดค่าใช้จ่าย และหากสุขภาพดีตนก็อยากจะไปเรียนต่อ และที่สำคัญอยากหายเป็นปกติช่วยแม่ทำงาน

 

 

นายศักดา กล่าวอีกว่า ตนเองรู้ว่าแม่นำบ้านและที่ดินไปจำนองกับน้าสาวเพื่อนำเงินมารักษาตน รู้สึกว่าแม่ทุ่มเทให้กับเรามากเกินไป ถ้าแม่ไม่มีน้าสาวตนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่มาถึงทุกวันนี้หรือเปล่าแต่ก็ขอขอบคุณแม่หากไม่มีแม่เราคงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้  อยากจะอยู่กับแม่ไปนานๆ หากหายหรืออาการพอลุเลาพอคงจะช่วยแม่ทำงานหาเงินได้บ้างเพราะแม่ไม่มีใครอีกแล้ว

 

 

 

 

นางโสพา สิงหราช แม่ของน้องบอย เปิดเผยว่า ตนอยู่กับอาศัยที่บ้านหลังนี้กับลูกชาย 2 คน ส่วนสามีนั้นได้แยกทางกันไปนานแล้ว ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปทำไร่ ทำนา ได้วันละ 300 บาทก็จะเก็บเงินเอาไว้เพื่อเป็นค่าฟอกไตของลูกที่ เงินทุกบาทที่เก็บมาได้ก็จะเอาไว้ฟอกไตลูกหมด บางวันก็อดมื้อกินมื้อ ขณะนี้ลูกชายก็ป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้าย งานที่เคยออกไปทำก็ไม่สามารถทำได้เหมือนเช่นเคยต้องช่วยดูแลลูกอย่างใกล้ชิด โดยจะพาน้องบอยไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเทศบาลนครอุดรธานี สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทุกครั้งจะนั่งรถประจำทางเข้าไปรับการรักษา แต่ละเดือนจะเสียค่ารักษาพยาบาลในการฟอกไตครั้งละ 1,500 บาท 1 เดือนจะฟอกไต 8 ครั้งรวมแล้วต้องเสียเงิน 12,000 บาทต่อเดือน (ไม่รวมค่าเดินทาง) เงินออมที่เก็บไว้ใช้ตอนจำเป็นก็นำออกมาเป็นค่ารักษาพยาบาลจนหมด ตอนนี้ต้องหยิบยืมจากคนรู้จักบ้างเพราะหาเงินไม่ทัน และตอนนี้ตนต้องนำบ้านและที่ดินไปจำนองไว้กับน้องสาวเพื่อที่จะนำเงินที่ได้มารักษาลูกชาย เวลาผ่านไป 2 ปี หมดค่ารักษาไปกว่า 3 แสนบาทแล้ว

 

 

“อยากวอนผู้มีจิตอันเป็นกุศลทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ช่วยสนับสนุนค่ารักษาพยาบาล และหากเป็นไปได้ก็อยากจะให้คนมีความรู้ช่วยเดินเรื่องในการปลูกถ่ายอวัยวะไตเพราะหมอบอกว่าลูกชายตนเองยังมีหวัง” นางโสพากล่าว