หลังจากที่ได้มีกระแสข่าวทางสื่อโซเชียล เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าหมา ได้โฟสต์ ระบุ ชลประทานคลองละแม 345 ล้านเพิ่งเสร็จพัง พร้อมระบุ สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 ทำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองละแมตอนล่าง เพื่อลดพื้นที่น้ำท่วมในพื้นที่ ต.ทุ่งหลวง อ.ละแม จ.ชุมพร และทำมาหลายปี งานนี้เพิ่งเสร็จหมาดๆเมื่อกันยา 66 แต่พอเจอฝนใต้เดือนพฤศจิกายน ดินก็สไลด์ตลิ่งเรียงหินพังถล่ม กล่องตาข่ายเกเบี้ยนราคาแพงๆกล่องละ 7-8 พัน ไหลฉีกขาดและพังต่อเนื่องมาเรื่อยๆ อีกทั้ง ชลประทานฯก็เพิ่งโชว์ผลสำเร็จของโครงการไปเมื่อวันที่ 8 ธันวา แม้หน้างานตลิ่งจะพังไปแล้วและก็ยังไม่ซ่อม 

           ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ ซึ่งที่ตั้งของโครงการอยู่ในถนนซอยชุมชนบ้านลุ่มพวา ม.10 ต.ละแม อ.ละแม จ.ชุมพร โดยโครงการดังกล่าว ยังห่างจากที่ว่าการอำเภอละแม เพียง 400 เมตร พบว่าตลิ่งสองฝั่งลำคลองที่ทอดยาวด้านตะวันตก หรือด้านเหนือประตูระบายน้ำคลองชลประทาน ระยะทางยาว 500 เมตร ซึ่งมีการก่อสร้างเป็นถนนลาดยางเพิ่งเสร็จ และพนังตลิ่งซึ่งได้ก่อสร้างในลักษณะสะโลบจากถนนลงชายน้ำ และใช้ตะข่ายใส่หิน พังไหลลงไปกองอยู่ในน้ำ  

             ผู้สื่อข่าวได้ตั้งข้อสังเกต พบว่า ตาข่ายซึ่งนำมาใช้ในก่อสร้างเพื่อใส่หิน นั้นมีขนาดช่องความกว้าง ประมาณ 4-5 นิ้ว จับมาถักร้อยเป็นแผ่นใหญ่ขึ้น เพื่อสามารถใส่หินไม่ให้หลุดออกจากตาข่าย เวลาถูกกระแสน้ำจะไม่พังทะลายลงได้ แต่สิ่งที่เห็นพบว่าหินส่วนหนึ่ง ที่มีจำนวนไม่น้อย มีขนาดเล็กกว่าช่องตาข่าย ประมาณ 2-4 นิ้ว กองกระจุกอยู่ปะปนกับหินขนาดใหญ่  

            นอกจากนี้ยังพบว่าการทำพนังหินโดยใช้ตาข่ายกั้น นั้นตลอดระยะ 500 เมตร ทำบางมาก ซึ่งตรงกับนางนิยม นาคสุวรรณ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 4 ต.ทุ่งหลวง อ.ละแม จ.ชุมพร ชาวบ้านในละแวกที่มาพบในช่วงการก่อสร้าง ว่า ดินริมตลิ่งบดอัดยังไม่แน่น ก็ทำการก่อสร้างพนังกั้นดินสไลด์แล้ว โดยใช้ผ้าใบปูทับดินตลอดแนว(ซึ่งยังไม่แน่น)แล้วใช้ตาข่ายวางทับ แล้วให้คนงานเรียงหินจากด้านล่างขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงด้านบนติดแนวถนน ซึ่งหินที่นำมาเรียงวางนั้นบางมาก ต่างกันตาข่ายทรงลูกเต๋า ที่สร้างไว้ด้านใต้ประตูระบาย ที่บรรจุใส่หินจำนวนมาก แล้วใช้มาวางเรียงเป็นชั้นๆจากชายน้ำขึ้นมา แข็งแรงและเมื่อเจอกระแสน้ำแรงก็ไม่พัง ไม่เหมือนกันตาข่ายด้านเหนือ เพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่วันมาเจอน้ำป่าไหลหลากครั้งเดียวก็พังแล้ว ซึ่งน่าเสียดายงบประมาณที่ทำไป ไม่คุ้มค่าเพราะไม่ทันได้ใช้ก็มาพังเสียแล้ว