แม่ร่ำไห้วอนนายกเศรษฐาช่วยด้วยต้องกู้เงินนอกระบบมาให้ลูกสาวเรียนหนังสือ ขณะที่นักศึกษาสาวเผยหากไม่มีเงินกู้ กยศ.จะลาออก
15 ธ.ค. 2566, 04:44
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งเขต ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากทราบข่าวว่า มีแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่งกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อส่งเสียให้ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคลมชักไปเรียนหนังสือ เมื่อไปถึงได้พบกับ นางทองเขื่อน อายุ 55 ปี อาชีพแม่ครัว เป็นผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักที่เจ้าของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ จัดไว้เป็นที่พักให้กับพนักงานได้พักอาศัยฟรี สภาพบ้านค่อนข้างเก่ามาก มีต้นไม้ปกคลุมข้างบ้าน โดยนางทองเขื่อนพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับลูกสาวชื่อ น.ส.ทิพย์ อายุ 24 ปี กำลังเรียนหนังสือระดับอุดมศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
นางทองเขื่อน อายุ 55 ปี กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า ตนได้รับความลำบากมานานแล้วและตนไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆ พูดจากส่วนลึกของหัวใจ เพราะต้องปากกัดตีนถีบมาตลอด ตนต้องไปกู้เงินนอกระบบครั้งละ 10,000 บาท ร้อยละ 10 บาท เป็นประจำทุกเดือน เพื่อนำเอาเงินมาใช้ในครอบครัวและเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน รวมทั้งเป็นค่ารักษาพยาบาลของลูกสาว ยิ่งขณะนี้ลูกสาวกำลังเรียนหนังสือตนต้องกู้เงินนอกระบบมาตลอด ต้องดิ้นรนเพราะว่าตอนนี้ก็ไม่มีใคร อาศัยอยู่กันกับลูก 2 คน ตนเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกคนเดียวต้องส่งเสียลูกเรียนหนังสือ ซึ่งหากไม่ได้มีเงินกู้ของ กยศ. ลูกสาวของตนก็คงจะไม่ได้เรียนหนังสือ ตนต้องสู้อย่างเต็มที่ ตอนนี้อายุ 55 ปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือลูกได้ขนาดไหน ก็ขอวิงวอนทุกภาคส่วนทุกท่านไม่ว่าหน่วยงานไหนที่ไม่เคยพบหน้าตนเลย มาเจอข่าวครั้งนี้ก็อยากให้เข้ามาดูแลลูกของตนด้วย ตนได้ใช้เงินจำนวน 2,000 บาท ดาวน์รถมอเตอร์ไซต์มา เนื่องจากว่าต้องไปรับ – ส่งลูกสาวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยทุกวัน เพราะว่าลูกสาวขับรถเองไม่ได้ มีโรคประจำตัวคือ เป็นโรคลมชัก ต้องกินยาตลอด ตนขอฝากถึงท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังว่า อยากให้ช่วยเหลือลูกหลานนักศึกษาไทยทุกคนรวมทั้งลูกสาวของตนที่ขาดทุนทรัพย์ เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนหนังสือ ขอให้ช่วยเหลือเด็กที่อยากเรียนโดยขอให้อนุมัติเงินกู้ กยศ.ให้กับลูกหลานทุกคนที่กำลังเรียนหนังสือด้วย
น.ส.ทิพย์ อายุ 24 ปี นักศึกษาสาวที่กำลังป่วยด้วยโรคลมชัก แต่มีใจรักการเรียนหนังสือ กล่าวด้วยอาการเศร้าสร้อยน้ำคลอเบ้าว่า ตนสงสารแม่มาก แม่ต้องทำงานหนัก แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยแม่ยังไง บางครั้งตนไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะว่าสงสารแม่ เพราะว่าแม่ลำบากกับเรามากขนาดไหน แล้วทำไมต้องมาลำบากอยู่กับเราแค่คนเดียว ต้องมารับส่งตนไปเรียนหนังสือด้วย ทำไมเราต้องมาเป็นภาระชีวิตของแม่ ตนไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป เพราะว่าเป็นภาระสังคมเปล่า ๆ เพราะว่าไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานไหนเลย ไม่เคยเข้าถึงหน่วยงานไหนได้เลย เคยคิดท้อมากจนถึงฆ่าตัวตายก็มี ถ้า กยศ.ไม่อนุมัติเงินกู้ ตนคิดว่าจะลาออกกลางคันเลย นี่คือความคิดของตนที่เด็ดเดี่ยว เป็นความคิดในใจของตนที่ไม่มีใครรู้ ตนไม่สามารถช่วยเหลือแม่ได้ทางไหนอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากว่า กยศ.ไม่อนุมัติเงินให้ยืมเรียน ตนจะลาออกจากมหาวิทยาลัยและจะช่วยแม่หาเงินอยู่ข้างนอก ตนไม่อยากเรียนต่อไปอีกแล้ว ถ้าหากว่าเรียนแล้วเป็นภาระของทั้งแม่และสังคม ไม่อยากไขว่คว้าไม่อยากใฝ่ฝันอีกต่อไป จะไขว่คว้าสิ่งอื่นแทนก็คือสิ่งที่ทำให้ตนกับแม่มีความสุข ตนขอฝากถึงท่านนายกรัฐมนตรีว่า ตนขอกราบไว้ตรงนี้เลย เด็กๆ ทุกคน คนที่ด้อยกว่าทุกคน หรือแม้แต่ว่าคนที่ด้อยกว่าตน คนที่ไม่มีความรู้ก็มีที่เข้าถึงท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้ก็มี แต่ว่าท่านนายกรัฐมนตรีก็ต้องเข้าถึงประชาชนให้ทั่วถึง ที่ลำบากกว่าตนก็มี ตนไม่อยากให้เพื่อนมนุษย์ที่เป็นนักศึกษา โดยนักศึกษาบางคนอยู่กับพ่อเลี้ยงเดี่ยว อยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่อยู่กับตากับยายบ้าง ที่ไม่มีพ่อแม่บ้าง ที่อยู่คนเดียวบ้าง ตนก็อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีช่วยเหลือตนและพวกเขาด้วย ไม่อยากให้ทิ้งแล้วก็มองเด็กทุกคนที่เป็นแบบตนที่อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อเลี้ยงเดี่ยว อยู่กับตากับยาย คนที่ลำบากกว่าตน ต้องเป็นภาระของสังคมอีกต่อไป ขอกราบวิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย