"สมศักดิ์" แถลงคืบหน้าคดีฆาตกรรม "โทโมโกะ" ส่งตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยรู้ผล 15 พ.ย.นี้!
16 ต.ค. 2562, 19:44
วันนี้ ( 16 ต.ค.62 ) ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ๒ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองศาสตราจารย์ ดร.วีริศ อัมระปาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ด้านวิชาการ พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าวความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ จังหวัดสุโขทัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อคลี่คลายคดีฆาตกรรม น.ส โทโมโกะฯ โดยเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่เก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย โดยขยายพื้นที่จากเดิมในระยะ ๒๐๐ เมตร เป็น ๙๓๘ เมตร ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยและกลุ่มผู้ต้องสงสัย ๓๒๖ ตัวอย่าง เพื่อนำมาประกอบข้อมูลวัตถุพยานอีก ๒๔ ชิ้น รวม ๓๕๐ ตัวอย่างดีเอ็นเอ และเมื่อช่วงต้นปี ๒๕๖๒ได้พยานบุคคลบอกเล่าถึงผู้ต้องสงสัย ซึ่งทำงานฟาร์มหมูแห่งหนึ่งบริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่ขยายวงรอบในการตรวจครั้งใหม่ โดยพยานบุคคลให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยว่ามีอาการคุ้มคลั่ง มีประวัติติดสุราและยาบ้า ได้ใช้มีดทำร้าย น.ส.โทโมโกะฯ ปัจจุบันผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้เสียชีวิตเมื่อปี ๒๕๕๓ จากการถูกวางยาพิษ โดยดีเอสไอได้นำกระดูกของผู้ต้องสงสัยรายนี้มาตรวจพิสูจน์ แต่ไม่สามารถสกัดสารดีเอ็นเอได้เนื่องจากกระดูกถูกเผาด้วยความร้อนสูงจึงไม่หลงเหลือดีเอ็นเอ ดังนั้น จึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอพี่สาวผู้ต้องสงสัยและคนงานในฟาร์มหมู รวมถึงผู้ที่มีประวัติติดยาเสพติด ลักขโมยทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถแถลงความชัดเจนถึงผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอได้ภายในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน นี้
ส่วนกรณีทางการญี่ปุ่นแสดงความเป็นห่วงว่า คดีจะหมดอายุความในปี ๒๕๗๐ จะพยายามเร่งรัดติดตามอย่างเต็มที่ และขอยืนยันว่าดีเอสไอไม่เคยหยุดการสืบสวนหาข้อมูลในทางลับและต้องดำเนินการอย่างถึงที่สุด ตนในฐานะที่เป็นคนสุโขทัยและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งใจว่าจะรื้อฟื้นคดีนี้เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดสุโขทัย จึงจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ