นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดน่าน ติดตามประเด็นการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน 23 ธ.ค. นี้
22 ธ.ค. 2566, 13:10
วันนี้ (22 ธ.ค. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดน่าน ในวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2566 เพื่อติดตามประเด็นการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมคณะตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการดังนี้
เวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานน่านนคร ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยในเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดน่าน นายกรัฐมนตรีจะติดตามประเด็นการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยนายกรัฐมนตรีจะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และร่วมรับฟังการเจรจาแก้ปัญหาหนี้ระหว่างประชาชน (ลูกหนี้) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 16.15 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
“การลงพื้นที่จังหวัดน่านของนายกฯ เพื่อติดตามการเจรจาแก้หนี้นอกระบบในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่า นายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ โดยการเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวังและสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทย ให้มีความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงระดับมหภาค รวมทั้งยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัวอีก” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ