วันที่ 25 ธ.ค.66 ศาลจังหวัดพัทลุง ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขตามที่ อ.175/2565 ซึ่งมีจำเลยทั้งหมด 5 คน โดยที่มีอัยการจังหวัดพัทลุงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องโดยหนึ่งในห้านั้นคือจำเลยที่ 5 คือ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด อายุ 37 ปี โดยมี ทนายชัช ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ และคณะทนายใจดีพร้อมด้วย นายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง พี่ชายของ นายเชาวลิต ได้เข้ามาร่วมฟังคำพิพากษา

คำพิพากษาปรากฏว่า ศาลพิพากษาลงโทษฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นพกพาไปในสถานบริการและที่สาธารณะ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ต้องรับโทษ ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน และข้อหาสุดท้ายเป็นโทษที่มีอัตราหนักสุดคือร่วมกันพยายามฆ่าผู้ช่วยเจ้าพนักงานศาลได้พิพากษาลงโทษบทที่สูงสุดให้จำคุกจำเลยทั้ง 5 ตลอดชีวิต

โดยคดีดังกล่าว ศาลจังหวัดพัทลุงได้นัดคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2566 แต่เนื่องจากนายเชาวลิตผู้ต้องหาในคดีอยู่ระหว่างการหลบหนี จึงได้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นวันที่ 25 ธ.ค.2566

ซึ่งในคดีดังกล่าว นายเชาวลิต ตกเป็นจำเลยคนที่ 5 โดยมีผู้ต้องหาร่วมกันทั้งหมด 9 คน และศาลตัดพิพากษาตัดสินคดีไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2566 ไปแล้ว 4 ราย โทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต เช่นกัน

โดยคดีดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2562 ที่ร้านเติมสุขวาไรตี้ ม.4 หมู่ 4 ถนนทางหลวงชนบทหมายเลข พท.2038 ตําบล ปรางหมู่ อ.เมือง จ.พัทลุง

ภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายชัชวาลย์ กล่าวว่า น้อมรับคำพิพากษาและก็จะทำหน้าที่ทนายความให้กับนายเชาวลิตต่อไป ที่จะต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับตัวนายเชาวลิตเองว่าจะกลับเข้ามาต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือไม่อย่างไร

ทนายชัชวาล กล่าวต่อว่า คดีปล้นผู้ต้องหาก่อนหน้านี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลไปแล้ว ก็รอฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ส่วนในคดีนี้ทางเสี่ยแป้งก็ต้องมายื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ทางทนายจะได้ร่างคำอุทธรณ์ไว้ให้และขอขยายเวลาไว้ก่อน

ทนาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่รับหนังสือร้องเรียนจากนายเชาวลิตมา จนถึงวันนี้ยังไม่ได้พบหรือเจอตัวนายเชาวลิตโดยตรงเลย

ด้าน นายกษิดิ์ชาติ กล่าวหลังร่วมฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุง ขอน้อมรับในคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยนายเชาวลิตจะออกมามอบตัวหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง และอยากถึงน้องชายรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อที่จะต่อสู้ขอความเป็นให้ตัวเองต่อไป