ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา "พิธา" ปมคดี ม.112 วันที่ 31 ม.ค.67
25 ธ.ค. 2566, 14:32
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลในคดีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ… เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบปะชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ทั้งนี้ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน รวม 2 ปาก คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายชัยธวัช ตุลาธน โดยตอบข้อชักถามของศาลและของคู่กรณี คดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน และศาลนัดแถลงการณ์ด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 31 มกราคม 2567 เวลา 09.30 น. กับนัดฟังคำวินิจฉัยช่วงบ่าย เวลา 14.00 น.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การไต่สวนในวันนี้ตนก็ยังมั่นใจว่า กระบวนการราบรื่นดี ในส่วนตัวเองรู้สึกพอใจ ที่ได้แถลงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ข้อสงสัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทุกสิ่งที่ตั้งใจมาเป็นไปตามความคาดหมาย ยังมั่นใจในข้อเท็จจริงหลายๆ เรื่อง ข้อเสนอแก้ไขทางนิติบัญญัติไม่ได้มาจากพรรคเราเป็นพรรคแรก แต่มาจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็ดี รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในช่วงปี 2563-2564 ตอนนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคเดียว ดังนั้น น่าจะยืนยันได้ในเรื่องของเจตนาว่าไม่ได้มีเจตนาจะล้มล้างการปกครอง
และหากผลการตัดสินออกมาเป็นคุณทั้ง 2 คดี นายพิธา จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ยังทำงานกับพรรคก้าวไกล แต่ออกมาเป็นคุณ ในส่วนของบทบาทพรรคก้าวไกลก็ต้องรอเดือนเม.ย.2567 ที่จะประชุมวิสามัญใหญ่พรรคก้าวไกล ส่วนตัวไม่ได้ยึดติด สามารถทำงานการเมืองได้ทุกรูปแบบ ไม่กังวลใจยังทำงานต่อได้
เมื่อถามว่าการแก้ไขมาตรา 112 ยังจะเป็นนโยบานหาเสียงครั้งต่อไปได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า นโยบายเป็นของสส.ชุดที่แล้ว เป็นเอกสิทธิ์ของสส.ชุดที่แล้ว ตอนนี้เป็นสส.ชุดใหม่ ซึ่งยังไม่ได้มีการหารือพูดคุยในกันในพรรคว่า ปัจจุบัน อนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ก็ยังเป็นข้อพิพาทในศาลรัฐธรรมนูญอยู่
อย่างไรก็ตาม หากศาลวินิจฉัยทิศทางใดทิศทางหนึ่งหรือให้เรายุติ ยกเลิกนโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อจุดยืนการทำงานของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอให้คำพิพากษาศาลออกมาก่อน เป็นเรื่องของสส.แต่ละคน ดูสถานการณ์บริบทของบ้านเมืองซึ่งแตกต่างกันไป