เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



คืบหน้า ผู้ปกครองโร่แจ้งความ หลัง ม.1 ถูกรุ่นพี่โรงเรียนทำร้ายร่างกาย


26 ธ.ค. 2566, 13:56



คืบหน้า ผู้ปกครองโร่แจ้งความ หลัง ม.1 ถูกรุ่นพี่โรงเรียนทำร้ายร่างกาย




 

 เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 ธ.ค.66  นางสาวสาวิตรี  ศรีสุข  อายุ 43 ปี  พร้อมด้วยนางสาวสุกัญญา วีระพงศ์ผู้เป็นแม่และพี่สาวของเด็กหญิงสุทธิมล  ยอดแก้ว  นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งมนจังหวัดชุมพร(โรงเรียนราษฎร์ประชานุเคราะห์20 จ.ชุมพร) เข้าพบ  พ.ต.ท. สนธยา ไทยประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.สลุย อำเภอท่าแซะ  จังหวัดชุมพร เพื่อร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานโดยแจ้งว่าน้องสาวถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย หลายครั้งจนเกิดความกดดัน โดยตนเองขอให้เจ้าพนักงานร่วมเดินทางไปโรงเรียนดังกล่าวเพื่อขอนำตัวน้องออกมา เพื่อตรวจร่างกาย เนื่องจากตนเองได้ประสานไปที่โรงเรียนแล้วว่าจะรับน้องสาวออกมา แต่ถูกปฏิเสธ
         โดยพี่สาวได้เล่าเหตุการณ์ให้กับพนักงานสอบสวนฟังว่า น้องสาวตนคือเด็กหญิงสุทธิมล ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งที่โรงเรียนดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเปิดภาคเรียนที่ผ่านมาซึ่งตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่เทอมที่สองแล้ว  ตลอดเวลาที่น้องเรียนอยู่ น้องก็ได้ติดต่อมาบอกว่าโดนรุ่นพี่ทำร้าย อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่รุ่นพี่ในหอพักสั่งให้ซักผ้าหรือทำงานอะไรแทนถ้าหากตนไม่ยอมทำหรือทำให้ไม่พอใจ ก็จะถูก รุมทำร้ายตบตี ที่ผ่านมาทั้งน้องสาวและตนเองก็เคยติดต่อแจ้งไปยังทางโรงเรียนแล้ว แต่ก็ ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ  จนกระทั่งเมื่อวันที่25 พ.ย. ที่ผ่านมา น้องสาวได้ทักแชทมาบอกว่าเหนื่อย หลังจากนั้นน้องสาวก็ได้ตัดสินใจกินไฮเตอร์ซักผ้า ทางโรงเรียนก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลและรักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาลกว่าหนึ่งสัปดาห์  หลังจากออกจากโรงพยาบาล ประมาณสองสัปดาห์ ตัวน้องได้ถูกรุ่นที่ลากเข้าไปรุมทำร้ายในหอพัก จนได้รับบาดเจ็บและได้ส่งภาพมาให้พี่สาวดู หลังจากนั้นตัวน้องก็ได้แจ้งไปยังคุณครูและผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ก็ยังนิ่งเฉย จนเป็นที่มาให้พี่สาวได้นำไปโพสต์ใน Facebook

          หลังจากมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไป ได้มีสายโทรศัพท์อ้างว่าเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้ โทรศัพท์ให้น้องสาวของตนมาคุยว่าให้ลบโพสต์ดังกล่าว ซึ่งตนก็ยืนยันว่าจะไม่ลบโพสต์ทางโรงเรียนจึงนัดให้ไปคุยกันที่โรงเรียนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

        หลังจากนั้นได้มีสายโทรศัพท์อีกหนึ่งสายโทรเข้ามา อ้างว่าโทรจากบ้านพักเด็ก พูดจาเชิงข่มขู่ว่าถ้าไม่ลบโพสต์จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

         ด้านพ.ต.ท.สนธยา ไทยประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน  สภ.สลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ได้ชี้แจงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองจะให้ผู้ร้องเรียนร้องทุกข์  โดยการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนเพื่อเป็นขั้นตอนในการร้องเรียน ส่วนขั้นตอนต่อไป ก็จะประสานทางโรงเรียนขอรับตัวนักเรียนไปตรวจร่างกาย และขอคำวินิจฉัยของทางแพทย์มาประกอบกับร้องทุกข์กล่าวโทษหากผู้เสียหายต้องการจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย กับผู้ก่อเหตุต่อไป

             ต่อมานางสาวสาวิตรี  ศรีสุข  อายุ 43 ปี  พร้อมด้วยนางสาวสุกัญญา วีระพงศ์ผู้เป็นแม่และพี่สาวของเด็กหญิงสุทธิมล  ยอดแก้ว  นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร(โรงเรียนราชประชานุเคราะห์20 จ.ชุมพร) พร้อม  พ.ต.ท.วิสิทธิ์ อักษรทิพย์  รอง ผกก.(สอบสวน). สภ.สลุย และพ.ต.ท. สนธยา ไทยประดิษฐ์ พนักงานสอบสวนได้เดินทางมายังโรงเรียนดังกล่าวเพื่อพบกับ นางญาระตี  เศรษฐบุปผา ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์20 เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอรับตัวเด็กไปตรวจร่างกาย
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง นางญาระตี  เศรษฐบุปผา ผอ.โรงเรียน เพิ่งเดินทางกลับมาจากรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่เป็นข่าวต่อนายวิสาห์  พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดและได้เดินทางกลับมาพร้อม กับอาจารย์ที่เกี่ยวข้องด้านกิจการนักเรียนและบ้านพักเด็กและสตรีซึ่งเป็นผู้ปกครองตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก ได้เข้าพูดคุยกับผู้ปกครองทั้ง 2 คนภายในห้องผู้อำนวยการ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปภายใน
       ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความตึงเครียดเนื่องจากทางแม่และพี่สาวยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุดกับผู้ที่กระทำกับน้องของตนเอง แม้ทางบ้านพักเด็กฯ ตำรวจ โรงเรียน พยายามชี้แจง เหตุผลต่างๆ แต่ไม่สำเร็จ จึงต้องปิดประตูห้องพูดคุยโดยใช้เวลาเกือบ 2ชั่วโมง

         ด้าน พ.ต.ท.วิสิทธิ์ อักษรทิพย์ รอง ผกก.(สอบสวน). สภ.สลุย เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้เข้าไปพูดคุยกัน ทางแม่และพี่สาวยังยืนยันคำเดิมที่จะดำเนินคดีกับนักเรียนรุ่นพี่ที่ทำร้ายน้องตนเอง  โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้บ้านพักเด็กนำเด็กนักเรียนคนดังกล่าวไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลในขณะเดียวกัน ทางตำรวจก็จะสืบสวนสอบสวนข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดก่อนนำมาสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

     ส่วนน.ส.โชติกา  ใจห้าว  นักสังคมสงเคราะห์  บ้านพักเด็กฯ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า พยายามชี้แจงทางครอบครัว ให้ได้ทราบทุกระยะหลังรับน้องมาในการดูแลและคุ้มครองตาม พรบ.และดำเนินการจัดสถานที่ให้น้องได้เล่าเรียนตามระเบียบ ซึ่งทุกอาทิตย์จะให้แม่ของน้อง มาพบหรือให้มารับเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีให้ครอบครัวได้กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง แต่ทางแม่ก็อ้างว่า ไม่มีรถ ไม่มีเงิน ปฏิเสธทุกครั้ง ทางบ้านเด็กก็ยังช่วยพาไปพบถึงที่บ้าน ซึ่งพยายามทุกอย่าง แม้กระทั่งน้องได้กินไฮเตอร์ ทางบ้านพักได้แจ้งไป และต้องการให้แม่มาหามาเฝ้าเพื่อได้พูดคุย แต่ก็ยังไม่มาอีกเช่นเคยและมักอ้างเดิมๆ ซึ่งยืนยันมีอะไรก็ตามจะประสานและแจ้งผู้เป็นแม่ให้ได้ทราบทุกครั้ง ส่วนที่เป็นข่าวไปนั้น คือความคลาดเคลื่อนในข้อมูลของความเป็นจริงที่น้องได้ให้ไปกับแม่และพี่สาว จนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ซึ่งทางบ้านพัก ได้พูดคุยกับเด็กและบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งน้องได้สารภาพว่า ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ดั่งที่ให้ข้อมูลไปกับพี่สาว แต่ทั้งนี้ในฐานะเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองน้องตาม พรบ.ในบางเรื่องก็ไม่สามารถเปิดเผยทุกอย่างได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนที่ทางแม่และพี่สาวจะขอรับน้องไปนั้น ทางบ้านพัก ไม่ปฏิเสธ พร้อมจะมอบคืนสู่สถาบันครอบครัว แต่ต้องไปประเมินความเป็นอยู่บ้านพี่สาวที่น้องต้องการไปอยู่ด้วย ว่ามีความพร้อมอย่างไรเพียงใดก่อน หากทุกอย่างผ่านการประเมิน ก็ดำเนินการส่งคืนสู่ครอบครัวได้ทันที แต่หากยังก็คงต้องคุ้มครองน้องไปก่อน ซึ่งเบื้องต้นจะนำน้องไปตรวจร่างกายเพื่อนำผลที่ได้มาส่งพนักงานสอบสวนให้เป็นไปตามกระบวนสืบสวนสอบสวนของทางตำรวจตามที่ แม่และพี่สาวต้องการเอาผิดและเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้น้องสาวต่อไป”    

 









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.