เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 29 ธันวาคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ประจำปี 66-67 ซึ่งวันนี้นับเป็นวันแรกของช่วง 7 วันอันตราย ที่หน้าสถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ริมถนนเพชรเกษมทางหลวงหมายเลข 4 ฝั่งขาล่องใต้ อำเภอเมืองประจวบฯ สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำเจ้าหน้าที่ตั้งจุดบริการจุดพักรถเฉพาะกิจ อำนวยความสะดวกกับประชาชนผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้า 14 จังหวัดภาคใต้ โดยได้ย้ายจุดบริการมาจากทางหลวงเขาโพธิ์ อำเภอบางสะพานน้อย ที่เคยตั้งบริการเป็นประจำทุกเทศกาลมาไว้ที่หน้าสถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ โดยเน้นตรวจเข้มความพร้อมของผู้ขับขี่ และสภาพความพร้อมการใช้งานของตัวรถโดยสารสาธารณะ อาทิ คุณภาพของยางรถทุกเส้น ใบปัดน้ำฝน และถังดับเพลิงฉุกเฉิน พร้อมทั้งตรวจสอบและประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับผู้โดยสารให้เห็นถึงความสำคัญของการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง นอกจากนี้ยังตรวจเข้มความพร้อมของผู้ขับขี่เกี่ยวกับอุณหภูมิของร่างกายและความป่วยไข้ รวมไปถึงตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะต้องเป็นศูนย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำรอยกับรถทัวร์โดยสารที่เสียหลักชนต้นไม้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวม 15 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายรายในพื้นที่อำเภอทับสะแกก่อนหน้านี้

 

 

 

 

นางสาวทวีพร เพิ่มทวี ขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สำนักงานขนส่งมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหาเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสารที่โดยสารมากับรถโดยสารสาธารณะทั้งที่ประจำทางและไม่ประจำทาง รวมไปถึงรถตู้โดยสารให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่เดิมในแต่ละปีได้ตั้งจุดตรวจจุดบริการอยู่ที่ทางหลวงเขาโพธิ์ แต่ในปีนี้ได้ย้ายมาตั้งจุดตรวจบริการอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจทางหลวงประจวบ เนื่องจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีเส้นทางที่ยาวกว่า 200 กิโลเมตร ซึ่งจุดตรวจบริการที่ตั้งอยู่ ณ จุดนี้ พื้นที่อำเภอเมืองประจวบฯ เป็นจุดกึ่งกลางพอดีทำให้สามารถตรวจเข้มข้นได้ทั้งตัวรถและตัวผู้โดยสาร เพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปได้อย่างปลอดภัย ส่วนในจุดตรวจต่อไปก็จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ระยะทางความห่างในการตั้งจุดตรวจจะมีระยะห่างที่พอดี

โดยเน้นตรวจความพร้อมในส่วนของตัวรถและคนขับเป็นหลัก ถ้าในส่วนไหนที่มีความบกพร่องไม่สามารถเดินทางต่อได้ก็จะห้ามไม่ให้เดินทางต่อจนกว่าจะพร้อม สัญญาณ GPS จะต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ที่สามารถเช็คชั่วโมงการทำงานของตัวรถและคนขับได้ ซึ่งในส่วนผู้ขับขี่จะตรวจดูว่าชั่วโมงการทำงานเกินหรือไม่ ร่างกายมีความพร้อมหรือไม่ พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตอกย้ำให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งตลอดการเดินทาง