สธ. รับมือคืนส่งท้ายปี "แอลกอฮอลล์-ยาเสพติด" ห่วงรพ.ทำงานหนัก
31 ธ.ค. 2566, 13:10
วันที่ 31 ธันวาคม 2566 พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความพร้อมของโรงพยาบาล (รพ.) ในสังกัดกรมการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีรายงานอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นจากปี 2565 ว่า รพ.ในสังกัดกรมการแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่ กทม. จะมีอยู่ 3 แห่งหลักๆ คือ รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน และ รพ.นพรัตนราชธานี
โดยภารกิจหลักจะเป็น รพ. รับส่งต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้การแพทย์ระดับสูง หรือตติยภูมิ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานจำนวนเคสที่รับส่งต่อมาว่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากการรับส่งต่อเคสยากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสถานการณ์ภายหลังจากช่วงเทศกาลแล้ว แต่ทาง รพ. ก็ได้เตรียมความพร้อมรองรับไว้ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร และเวชภัณฑ์ต่างๆ
พญ.อัมพรกล่าวว่า สถานการณ์เหตุฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในภาพรวมของประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นภาระงานที่หนักใน รพ. ที่อยู่ในเส้นทางคมนาคมหลัก ซึ่งหากมีเคสที่จะต้องใช้เทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูง ก็จะมีระบบส่งต่อผู้ป่วยมารักษาใน รพ. ที่มีศักยภาพสูงขึ้น
ทั้งนี้ ระบบสาธารณสุขของ สธ. ได้กระจายศักยภาพและยกระดับความสามารถของ รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไปในแต่ละจังหวัดในการดูแลผู้ป่วยเคสที่มีความซับซ้อนได้ ซึ่งเป็นเสมือนตัวกรองผู้ป่วยที่จะต้องส่งต่อมายัง กทม. เพื่อรักษาใน รพ.สังกัดกรมการแพทย์ 3 แห่งที่ได้กล่าวไป เช่น รพ.อุดรธานี รพ.ขอนแก่น รพ.ปากช่องนานา จ.นครราชสีมา รพ.สระบุรี รพ.ชลบุรี รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี รพ.หาดใหญ่ รพ.ราชบุรี เป็นต้น
“สำหรับเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เพิ่มสูงขึ้นใน กทม. นั้น ทาง รพ.สังกัดกรมการแพทย์ ยังไม่ได้รับเคสฉุกเฉินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างนัยยะสำคัญ ซึ่งคาดว่าหากจะมีการเพิ่มขึ้น ก็จะเป็นคืนนี้ (31 ธ.ค.) ที่ประชาชนออกไปเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่อาจจะมีเรื่องแอลกอฮอล์ สารเสพติด ความประมาทหรือเหตุทะเลาะวิวาท ทาง รพ. ได้เตรียมความพร้อมรับเคสฉุกเฉินเหล่านี้ไว้แล้ว แต่ก็อยากรอเก้อ ไม่อยากต้องใช้ทรัพยากรที่เตรียมเอาไว้ อยากให้ประชาชนทุกคนเที่ยวอย่างมีสติเพื่อความปลอดภัย” พญ.อัมพรกล่าว
ทั้งนี้ พญ.อัมพรกล่าวว่า หลังจากคืนนี้ไป ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลแต่ละแห่ง จะมีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยในแต่ละ รพ. เข้ามายังส่วนกลาง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงสถานการณ์เหตุฉุกเฉินและผู้ป่วยในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ รพ.ในระดับตติยภูมิ เตรียมรับมือกับเคสที่จะมีการส่งต่อมาในระยะถัดไป