กรมอุทยานฯ จับชายชาวเวียดนามลอบขนสัตว์ป่าคุ้มครอง ซุกรถทัวร์ ส่งประเทศเพื่อนบ้าน
10 ม.ค. 2567, 16:05
เมื่อวันที่ (9 มกราคม 2567) ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) และชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 ร่วมกับตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับแจ้งจากมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (Watchdog Thailand Foundation-WDT) ว่าพบเห็นการลักลอบขนย้ายสัตว์ป่าบริเวณหมู่บ้านสิธร ซอย 13 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบและเฝ้าสังเกตุการณ์บริเวณดังกล่าว กระทั่งพบกลุ่มผู้กระทำผิดใช้รถยนต์กระบะตู้ทึบที่ใช้ขนส่งสัตว์ป่าขับไปตามถนนในเขตลาดพร้าว คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถยนต์สะกดรอยตามไป จนถึงภายในลานจอดรถทัวร์ ซอยรามอินทรา แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
กระทั่งเมื่อเห็นผู้ต้องหากำลังช่วยกันขนถ่ายกล่องพัสดุจากรถกระบะไปไว้ในรถบัส จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบนกปรอดหัวโขน ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ถูกซุกซ่อนอยู่ในกล่องลังกระดาษ จำนวน 21 ตัว นอกจากนี้ ตรวจสอบภายในรถยังพบสัตว์ต่างประเทศ หลากหลายชนิดจำนวนมาก เช่นเต่า 929 ตัว กิ้งก่า 4 ตัว และ งู 6 ตัว เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้ตรวจสอบแหล่งที่ไปที่มา พร้อมกับคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายเหวียน ดิน ได อายุ 38 ปี นายเหวียน เทียน ทัน อายุ 39 ปี นายเหงียน หยุย กุย อายุ 40 ปี ทั้งหมดสัญชาติเวียดนาม มาทำการสอบปากคำอย่างละเอียด
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ว่ามีผู้ว่าจ้างเป็นเงิน 4,200 บาท เพื่อให้นำนกปรอดหัวโขนไปส่งประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากจัดส่งสินค้าเสร็จเรียบร้อยถึงจะได้ค่าจ้าง ผู้ต้องหายอมรับด้วยว่า พวกตนมีการดัดแปลงรถขึ้นมาเพื่อใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ตามมาตรา 17 ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับก่อนนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดี สำหรับสัตว์ป่าคุ้มครองของกลาง นกปรอดหัวโขน จำนวน 21 ตัว และอุปกรณ์การกระทำผิด กรงนก จำนวน 9 กรง ส่งมอบให้กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ นำไปดูแลและเก็บรักษา ตามระเบียบต่อไป