นายกฯ มุ่งพัฒนาแหล่งพลังงานสีเขียว ลดปล่อยคาร์บอน หนุนไทยศูนย์กลางการผลิตรถยน์ EV
12 ม.ค. 2567, 15:50
วันนี้ ( 12 ม.ค.67 ) เวลา 14.00 น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายด้านการดึงดูดนักลงทุนและการค้ากับต่างประเทศ ว่า ภาคอุตสาหกรรมในอนาคตต่อจากนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนา มีแหล่งพลังงานสีเขียว เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยคาร์บอน มุ่งเน้นอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีอนาคต (next-generation automobiles) และเสริมสร้างระบบการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนให้เกิดการสร้างฐานการผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคส่วนต่าง ๆ โดยใช้มาตรการจูงใจทั้งทางด้านภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี การให้เงินอุดหนุนสำหรับการซื้อยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องดูแลอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องให้ปรับเปลี่ยนไปสู่สายการผลิตของยานยนต์แห่งอนาคตได้ ซึ่งอาจรวมไปถึงลงทุนในการเป็นผู้นำยานยนต์ยุคถัด ๆ ไป เช่น ไฮโดรเจน เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมแล้ว เราจะต้องขยายตลาดต่างประเทศให้กับนักลงทุนด้วย ประเทศไทยจะต้องมีการเจรจาการค้า ให้มีจำนวนประเทศที่มี FTA เพิ่มขึ้น เทียบเท่ากับประเทศในภูมิภาคให้ได้ การทูตเชิงรุกเป็นการทำงานในมิติใหม่ของรัฐบาลนี้ โดยเราจะส่งเสริมทั้งการค้าขาย การลงทุน การส่งออก การแลกเปลี่ยนความรู้ เพิ่มเติมไปจากบทบาทที่เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิศักดิ์ศรีและการช่วยเหลือคนไทยและธุรกิจไทย ดำเนินกิจกรรมการทูตอย่างสมดุล เปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ รวมถึงตลาดเดิมและประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง โดยในช่วงที่ผ่านมาก็ได้เปิดประตูการค้าชายแดน 4 ด้าน 4 ประเทศ เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งประเทศมาเลเซียก็ได้ช่วยเหลือแรงงานไทยและตัวประกันในอิสราเอล และเสริมสร้างความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญในความร่วมมือและการต่างประเทศของไทย ในพื้นที่บริเวณชายแดนของประเทศไทย รัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับการขยายการค้าชายแดน นำมาซึ่งความมั่งคั่ง และจะพัฒนาไปสร้างความมั่นคงให้กับพื้นที่รอบ ๆ ข้างด้วย