เมื่อวันที่ (15 ม.ค.67) นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเจ้าหน้าที่อช.กุยบุรี ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีระหว่างวันที่ 14 – 15 ม.ค. 67 ซึ่งเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 15 ม.ค. พบว่ามีบุคคลเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ บริเวณป่าหุบตาวีป หมู่ที่ 4 บ้านโป่งกระสัง ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบเป็นชายไทย จำนวน 1 คน กำลังเดินใช้ไฟฉายคาดหัวสาดไฟไปมาตามแนวป่า จากนั้นได้เดินตรงเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่ง อยู่กลางไร่สับปะรดประชิดแนวเขตป่าซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตอช.กุยบุรี   

เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าชายคนดังกล่าวตลอดทั้งคืน แต่ไม่มีทีท่าว่าชายผู้นั้นจะกระทำการสิ่งใด จนกระทั่งถึงเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่จึงได้ไปที่บ้านหลังที่ชายผู้นั้นพักอยู่ สอบถามชายดังกล่าว ทราบชื่อว่า นายเวียง  อายุ 66 ปี อยู่พื้นที่ ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ดำเนินการตรวจค้นตัวนายเวียง พบอาวุธปืนลูกซองเดี่ยวยาว เบอร์ 12 ไม่ปรากฏหมายเลขทะเบียน ซุกซ่อนอยู่ในกองไม้ มีเครื่องกระสุนปืนเบอร์ 12 บรรจุอยู่ในรังเพลิง จำนวน 1 นัด และพบเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2 ลูก และไฟฉาย 1 อัน

บริเวณข้างเคียงนายเวียง พบมีดพกวางอยู่จำนวน 1 เล่ม และไฟฉายคาดหัว 1 อัน กระสอบปุ๋ยสีขาวบรรจุสิ่งของ จำนวน 1 ลูก คณะเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบสิ่งของภายในกระสอบปุ๋ยดังกล่าวโดยละเอียด พบลูกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 ลูกบรรจุอยู่ในกระปุกทรงกระบอก เชือกสีขาว จำนวน 2 ม้วน ค้อน 1 อัน ตะปู 3 นิ้ว เปลสนาม และเป้สะพายหลัง

คณะเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจพบว่าเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 ลูกที่ตรวจค้นพบในตัวนายเวียงนั้น เป็นเครื่องกระสุนปืน ยี่ห้อ ขนาด สี และ Lot การผลิต เดียวกันกับเครื่องกระสุนปืนเบอร์ 12 ที่บรรจุอยู่ในรังเพลิงอาวุธปืน ที่ซุกซ่อนอยู่ในกองไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสอบถามนายเวียง ว่าอาวุธปืนที่พบในกองไม้เป็นของตนใช่หรือไม่ นายเวียงยอมรับว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุน และอุปกรณ์ทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเป็นของตน        

นายเวียง เล่าว่าได้นำอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน เข้าไปในเขตอช.กุยบุรีเพื่อทำการเฝ้าไร่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ควบคุมตัวนายเวียง เดินไปบริเวณที่คณะเจ้าหน้าที่พบแสงไฟในกลางดึก ปรากฏว่าพบห้างสำหรับล่าสัตว์ป่า ตรวจสอบห้างสำหรับล่าสัตว์ป่าดังกล่าวโดยละเอียดพบว่า เพิ่งจะมีการสร้างขึ้น โดยมีเชือกเหลืออยู่แขวนไว้บริเวณข้างเคียง คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบเชือกที่ตรวจพบบริเวณบนห้างโดยละเอียด ปรากฏว่ามีลักษณะตรงกันกับเชือกที่ตรวจพบในกระสอบปุ๋ยของนายเวียง จากพยานหลักฐาน และความเชื่อมโยงเหตุการณ์ จึงเชื่อได้ว่านายเวียง ได้ไปนั่งห้างเพื่อล่าสัตว์ จากนั้นจึงได้ใช้ไฟฉายส่องไปมาเพื่อเดินลงมาพักที่บ้านหลังดังกล่าว

 พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งแก่นายเวียง ต้องถูกจับเนื่องจากได้กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับ ทราบว่า ผู้ถูกจับได้กระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และจากพฤติกรรมผู้ถูกจับขณะเข้าทำการจับกุม เวลาและสถานที่เกิดเหตุ คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่า นายเวียง มีเหตุอันเชื่อได้ว่าครอบครองอาวุธปืนไว้เพื่อพยายามเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งมีความผิด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยเจ้าหน้าที่อช.กุยบุรีได้นำตัวนายเวียง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป