วันนี้ ( 23 ม.ค.67 ) นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ประเมินทิศทางการส่งออกข้าวของไทยในปี 2567 ว่า ภาคเอกชนคาดการณ์แนวโน้มการส่งออกข้าวของไทยในปีนี้จะลดลงจากปี 2566 ที่ 8.8 ล้านตัน มาอยู่ที่ 7.5 ล้านตัน โดยพิจารณาจากปัจจัยลบทั้งประเทศผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ของไทยอย่างอินโดนีเซียลดประกาศลดปริมาณการนำเข้าข้าวลงเหลือเพียง 2 ล้านตันจากปีที่ผ่านมามีการนำเข้ากว่า 4 ล้านตัน พร้อมคาดการณ์ว่าช่วงครึ่งหลังของปีอินเดียจะกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้งหลังแบนการส่งออกข้าวไปเมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกับการลดอัตราภาษีเหลือร้อยละ 20 ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวของอินเดียวถูกกว่าของไทย ประมาณ 100 เหรียญต่อตัน ขณะที่ประเทศเวียดนามคู่แข่งสำคัญของไทย จากความได้เปรียบด้านผลผลิตต่อไร่ที่สูงกว่าและมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทย จะสร้างแรงจูงใจให้ประเทศผู้ซื้อหันมาซื้อข้าวจากเวียดนามด้วยเหตุผลเพราะราคาต่ำกว่าไทย ส่วนคุณภาพของผลผลิตข้าวหอมมะลิใกล้เคียงกับของไทย

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การส่งออกข้าวไทยมีความยั่งยืน ภาคเอกชน จึงเรียกร้องให้ภาครัฐ หันมาดูแลภาคการผลิตมากกว่าการช่วยเหลือผ่านเงินอุดหนุนให้เกษตรกรที่ในแต่ละปีให้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่งบประมาณในการศึกษาวิจัยข้าวพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง ระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้นและทนต่อโรค ไม่ถึง 200 ล้านบาทต่อปี 

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์  กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันตลาดสหรัฐฯ ยังเป็นตลาดหลักในการนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทย ผู้บริโภคให้การยอมรับ รัฐบาลและเกษตรกรไทยควรมีการเตรียมตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางการค้า