ครม.เห็นชอบ มหาดไทย สั่งเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 67
23 ม.ค. 2567, 16:11
วันนี้ ( 23 ม.ค.67 ) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัยและการช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีสาระสำคัญคือ การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2567 ตามข้อสั่งการของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ประกอบด้วย จัดตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ภายใต้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ทำหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สภาพน้ำท่า ปริมาณฝน และปริมาณน้ำในแหล่งน้ำ พร้อมทั้งวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดภัยแล้งในพื้นที่ ทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุภัยแล้งของจังหวัดให้สอดคล้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำและนำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง มาใช้ประกอบในการกำหนดหน่วยงานการแบ่งมอบพื้นที่ และมอบหมายภารกิจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ครอบคลุมถึงระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน/ชุมชน สำรวจพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนที่เคยเกิดปัญหากรณีขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นประจำตลอดจนพื้นที่อื่น ๆ ที่ในห้วงฤดูฝนมีปริมาณฝนตกน้อย จนไม่สามารถเก็บกักน้ำในห้วงที่ผ่านมาได้
พร้อมทั้งให้ประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานของกรมชลประทาน การประปาส่วนภูมิภาค ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวให้ชัดเจน วางแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้กลไกของคณะกรรมการคณะอนุกรรมการของจังหวัด การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร ให้ดำเนินการตามแนวทางการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2566/67 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการรองรับในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะกรณีพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ รวมถึงประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่เกษตร เมื่อสภาวะอากาศเอื้ออำนวย เพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มเติมในแหล่งน้ำต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรเครื่องมือของหน่วยงานฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานในพื้นที่ไว้เป็นการล่วงหน้า โดยจัดเป็นชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัด