ไทย-มาเลเซีย ยืนยันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ผลักดันความร่วมมือรอบด้าน
2 ก.พ. 2567, 15:35
วันนี้ ( 2 ก.พ.67 ) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นาย วิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์ ดร.ซูกิฟลี หะซัน รัฐมนตรีช่วยว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(กิจการศาสนา) แห่งมาเลเชีย และ สมาชิกวุฒิสภาแห่งมาเลเซีย พร้อมคณะ ในการเดินทางเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนมีความยินดีที่คณะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อแสดงความแน่นแฟ้นของทั้ง 2 ประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่นานมานี้ ตนก็ได้เดินทางไปพบผู้นำหลายท่าน ยังประเทศมาเลเซีย คือ ดาโต๊ะ ซะรี ฟาดิลลา ยูโซฟ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเพาะปลูก ดาโต๊ะ สิรี ดร.อาหมัด ซาฮิด ฮาทีดี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้ความเห็นอย่างมากมาย ที่เป็นประโยชน์ ทั้งในเรื่อง เศรษฐกิจการค้า การร่วมมือทางคมนาคม รวมถึงความสงบสุขของ ทั้ง 2 ประเทศ ประกอบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการพบปะกับ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม กันบ่อยครั้ง นั่นก็ทำให้เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศ มีความตั้งใจพัฒนาร่วมกัน และ ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่าการพัฒนาในหลายด้านของไทยและมาเลเซียจะประสบความสำเร็จ โดยเวลานี้มีโครงการที่จะทำร่วมกัน เช่น TWINCITIES จับเมืองคู่แฝดชายแดนไทย / มาเล-สร้างด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม–สะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโกลก–การค้าชายแดน ด่านสะเดา
ปาดังเบซาร์ เบตง และ สุไหงโกลก -การส่งเสริมด้านการศึกษา - และเรื่องอาหารฮาลาล เป็นต้น
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ซูกิฟลี ต้องขอบคุณรองนายกฯ เป็นอย่างมาก ที่ให้การต้อนรับ และ ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ตนหวังว่าในอนาคตโครงการสำคัญของไทยและมาเลเซียจะสำเร็จลุล่วง โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของมาเลเซีย ท่านนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าการพูดคุยกับนายกฯ ของประเทศไทย มีความคืบหน้าหลายด้าน ทั้งในเรื่อง การคมนาคม
การศึกษา และเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแทบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ตนต้องการให้ช่วยเร่งผลักดัน เรื่องอาหารฮาลาล –การศึกษา ที่จะสนับสนุนในเรื่องของสันติภาพ - การสร้างความเป็นอยู่ที่กลมกลืน -การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวมุสลิมในประเทศไทย รวมถึงการพัฒนากลุ่มเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ส่วนในเรื่องการสร้างสันติสุข มาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีนำเสนอมานั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญในทุกประเด็น โดย ศอ.บต. ลงไปกำกับดูแลในเรื่องการสร้างอาชีพ การพัฒนาการศึกษา ด้านสันติสุข เราก็มี สมช. ที่เดินหน้าด้วยความจริงใจ ขอให้ทางมาเลเซียสบายใจ ได้เลยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน ไม่มีการแบ่งแยกการดูแลประชาชนด้วยศาสนา ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ล้วนมีความเท่าเทียม