นายกฯ มุ่งมั่นเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษา "มะเร็งครบวงจร" เพิ่มการตรวจคัดกรองเชิงรุก-การดูแลรักษาให้แก่ผู้ใช้บัตรทอง 30 บาท
7 ก.พ. 2567, 10:47
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาสุขภาพ ปัญหาโรคมะเร็ง และความสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็ง เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร ภายใต้สิทธิบัตรทองอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 เพื่อป้องกันและคัดกรอง ดูแลรักษา และฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งด้วยบริการการรักษาที่มีประสิทธิภาพและการตรวจคัดกรองเชิงรุกเพิ่มเติม
โดยรัฐบาลได้บรรจุสิทธิประโยชน์ในการรักษามะเร็งเพิ่มเติม อาทิ บริการฝังแร่เฉพาะที่เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตา บริการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มะเร็งตับและตับอ่อน และท่อน้ำดี ด้วยหุ่นยนต์ และบริการรักษาด้วยรังสีโปรตอน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการบริการ 2 รายการ เพื่อการตรวจคัดกรองมะเร็งเชิงรุก ได้แก่ (1) บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ในผู้หญิงไทยอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ครอบครัวมีประวัติมะเร็งเต้านม ปีละ 1 ครั้ง กำหนดเป้าหมายบริการตรวจคัดกรองในปี 2567 จำนวน 40,600 ราย (2) บริการการตรวจปัสสาวะชุดตรวจพยาธิใบไม้ในตับสำเร็จรูปชนิดเร็ว ด้วยตนเอง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนไทยทุกสิทธิที่อายุ 15 ปีขึ้นไปที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในการตรวจคัดกรองโรคพยาธิใบไม้ในตับ และโรคมะเร็งท่อน้ำดีด้วยตนเอง โดยทั้งสองรายการอยู่ระหว่างการจัดวางระบบให้มีประสิทธิภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังได้จัดระบบดูแลผู้ป่วยมะเร็งในระยะสุดท้าย โดยกำหนดให้หน่วยงานหรือองค์กรที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยติดเตียง บริการดูแลแบบประคับประคองและระยะท้าย เช่น วัด โบสถ์คริสต์ มัสยิด องค์กรเอกชน และสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เป็นหน่วยบริการส่งต่อเฉพาะด้านชีวาภิบาล หรือหน่วยชีวาภิบาล ในฐานะสถานบริการสาธารณสุขที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับการป้องกันคัดกรอง ดูแลรักษา และฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง มีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร สนับสนุนให้ผู้ใช้บัตรทอง 30 บาทได้รับการบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมตามเป้าหมายของตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างครอบคลุม ทั่วถึง เท่าเทียม จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสลดความเหลื่อมล้ำในสังคม” นายชัย กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณการทำงานของนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ที่สามารถบริหารและตอบสนองต่อแนวนโยบายของรัฐบาลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจความตั้งใจของรัฐบาลที่จะทำให้ “บัตรประชาชนใบเดียว ดูแลสุขภาพประชาชน รักษาได้ทุกที่ ทุกโรค”