นายกฯ สั่งกำชับ! มาตรฐานการรักษาดูแลความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ลั่น! รัฐบาลมีหน้าที่ถวายการอารักขา วิงวอนอย่าใช้ความรุนแรง
12 ก.พ. 2567, 11:15
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังร่วมงานเสวนา “Business, Gender Diversity, and the Path Ahead” โดยได้ตอบคำถามเรื่องการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้หารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้กำชับและยืนยันว่าเรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความดูแลบุคคลสำคัญของประเทศ รวมทั้งให้สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ดูแลให้ดี ไม่อยากให้มีการปะทะกันเกิดขึ้น อยากให้อยู่กันได้ด้วยความสามัคคี และถ้ามีเวทีไหนที่เห็นต่างก็อยากให้ใช้เวทีที่เหมาะสม เช่น เวทีสภา เวทีนักวิชาการ มาพูดคุยกัน ทุกสถาบันรักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนการดำเนินคดีนั้นให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่มีการกลั่นแกล้งใด ๆ และอยากวิงวอนเรื่องการใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่บังควร ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย ทุกสถาบันอยากเห็นความสามัคคี และแน่นอน สังคมมีความเห็นต่างกัน แต่ต้องมาพูดคุยใช้เวทีที่ ปลอดภัย และไม่เป็นที่คุกคามของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงจุดนี้ เนื่องจากปัจจุบันประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยดี ไม่อยากทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น อยากให้ลดการใช้กำลัง หรือการใช้ hate speech ใช้เวทีสาธารณะอื่นๆ มีการพูดคุยในเวทีที่ปลอดภัย นายกฯ เชื่อว่า ทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศมีความปรองดอง สามัคคี เกิดบรรยากาศที่พูดคุยกันได้ในความแตกต่าง ซึ่งนายกฯ ได้หารือกับ ผบ.ตร. ในเรื่องนี้ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน
นายกฯ เห็นว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดูแลบุคคลสำคัญของประเทศให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดมีการคุกคาม เกิดการใช้กำลัง และไม่อยากให้เอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นการเมืองด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง การพูดคุยควรอยู่ในเวทีที่เหมาะสม ซึ่งก็มีตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภา จึงควรใช้เวทีสภาเป็นเวทีพูดคุย ซึ่งเป็นเวทีที่ปลอดภัย และมาตามกระบวนการประชาธิปไตย ทุกฝ่าย ทุกพรรค ได้มีการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ทุกฝ่ายมีตัวแทนอยู่แล้วในสภาก็น่าจะใช้เป็นเวทีพูดคุยกัน หากใช้เวทีอื่นที่เป็นพื้นที่สาธารณะ (public space) ที่มีคนจำนวนมาก ก็อาจเกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งนายกฯ ไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ซึ่งอาจจะไปสู่สายตาชาวโลกได้ ที่ทุกประเทศมีการอารักขาผู้นำ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดอยู่แล้ว
นายกฯ ย้ำว่า เรื่องดังกล่าวไม่ควรมีการให้ท้าย ไม่ควรมีขบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะขบวนเสด็จ ท่านทรงมีภารกิจตลอดเวลา ทรงงานหนักทุกพระองค์ เพราะฉะนั้นเรื่องความสำคัญในการเดินทางของพระองค์ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด และทางฝ่ายเห็นต่างควรพูดคุยในเวทีที่ปลอดภัย ถูกต้อง ไม่อยากให้เป็นเวทีที่ใช้คำว่าท้าทาย เวทีสาธารณะที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ที่ถูกต้อง ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ หรือบรรยากาศเช่นนี้อยากแน่นอน
โดยในการหารือกับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ระดับสูงนั้น ได้พูดคุยกันอีกในหลายเรื่อง นอกจากประเด็นยาเสพติด การตรวจคนเข้าเมือง สวัสดิการของเจ้าหนาที่ ตม. ที่อยู่อย่างแออัดในสนามบิน การดูแลสวัสดิการ ที่อยู่อาศัย ให้กับตำรวจชั้นผู้น้อย รวมถึงแฟลตตำรวจ โดยจะได้มีการทำแผนระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจถึงการดูแลที่ดี โดยในประเด็นยาเสพติดมีการพูดคุยเยอะ เนื่องจากมีการจับกุมเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าแต่ราคายังไม่ขึ้นเลย ซึ่งแสดงว่ามียาทะลักเข้ามามาก จึงต้องเดินหน้ากำจัดต่อไป ซึ่งนายกฯ ขอให้รอดูก่อนถึงประเด็นการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ให้ถือว่าเป็นผู้เสพ เพราะปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เนื่องจากไม่ว่ากี่เม็ด ก็ไม่ควรมีอยู่แล้ว เรื่องยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติอยู่แล้ว ไม่ได้ดำเนินการประกาศจำนวนเม็ดเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมก็จะเปลี่ยนแปลงใหม่ มีทั้งเรื่องการตัดวงจรการค้าชายแดน การบำบัด ผู้ป่วย ผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย การหาอาชีพคืนสู่สังคม ระยะเวลาในการทำลายยาเสพติดจะทำให้สั้นลงเพื่อให้ความแคลงใจของสังคมลดน้อยลงไป มีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา