เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เกษตรกร ผู้ปลูกมันของโคราชบุกโรงพัก หลังจากถูก 2 สามีภรรยา โกงเงินพืชผลทางการเกษตรมูลค่ากว่า3 ล้าน หลบหนีลอยนวล


20 ก.พ. 2567, 09:39



เกษตรกร ผู้ปลูกมันของโคราชบุกโรงพัก หลังจากถูก 2 สามีภรรยา โกงเงินพืชผลทางการเกษตรมูลค่ากว่า3 ล้าน หลบหนีลอยนวล




วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีผู้ที่หาย นายวัชรพงษ์ กอกลาง อายุ 33 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านหนองจาน หมู่ 9 ต. ช่องแมว อ. ลำทะเมนชัย จ. นครราชสีมา พร้อมด้วยผู้เสียหายรวม 35 ราย ได้เข้ามาพบ ร.ต.อ. เทพนคร ทวยหา พนักงานสอบสวน และ พ.ต.อ. ปรีชา สารถี ผกก.สภ. ลำทะเมนชัย เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีเจ้าของลานมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งได้ร่วมกันเปิดลานรับซื้อมันสำปะหลัง ก่อนหลบหนีไปอย่างลอยนวล  มูลค่าความเสียหาย กว่า 3 ล้านบาท



นายวัชรพงษ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รามันแห่งนี้เปิด ให้บริการนานกว่า 3 ปีแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหา เรื่องเงิน  เหตุผลที่นำไปขาย ลานมันแห่งนี้ เพราะรับซื้อในราคาที่สูง กว่า โรงงานอื่น อีกทั้งไม่มีการวัดเปอร์เซ็นต์ของแป้งเหมือนที่โรงงาน อื่น ๆ ไม่หักสิ่ง เจือปน จำพวกเศษดิน โดยปกติลามมันทั่วไป จะรับซื้อในราคา 3.80 บาท ( เปอร์เซ็นต์แป้งต้องถึง 30 เปอร์เซนต์ ) แต่ที่ลานมันแห่งนี้ รับซื้อในราคา 4.00 ไม่ต้องวัดเปอร์เซ็นต์ จึงทำให้เกษตรกรหันนำมาขายที่นี่ ต่อมาพบว่าในช่วงของ เดือนธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม 2567 เจ้าของลานมัน เริ่มมีการจ่ายเงินล่าช้า อ้างว่าจะต้องนำมันส่ง ไปขายก่อน ถึงจะจ่ายเงินให้ โดยเฉพาะตน มีความเสียหาย ประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งมีผู้เสียหาย รวมทั้งหมด 35 ราย จะตกรายละ10,000-500,000 บาท ก่อนที่เจ้าของลานมัน จะล็อกกุญแจ หลบหนีไปอย่างลอยนวล ฝากตำรวจช่วยติดตามมาดำเนินคดี ให้ถึงที่สุด


ด้าน พ.ต.อ. ปรีชา สารถี ผกก.สภ. ลำทะเมนชัย เผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการนำผลผลิต ทางการเกษตรโดยเฉพาะมันสำปะหลัง ไปขายที่ลามแห่งหนึ่ง ในราคาที่ค่อนข้างสูง โดยการเช่าที่คนในหมู่บ้าน เปิดลานมัน ก่อนที่จะหลบหนีไปอย่างลอยนวล ทิ้งไว้เพียงสำนักงาน และล็อกกุญแจ  และรถ ใช้ในกิจการจำนวน 2 คัน ก่อนลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากติดไฟแนนซ์ ซึ่งมีเกษตรกร เสียหายรวม 35 คน มูลค่าความเสียหาย 3,184,297 บาท ปัจจุบัน ทราบแล้วผู้ต้องหา ซึ่งได้หลบหนีอยู่ในขณะนี้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการ ออกหมายเรียกไปแล้วหนึ่งครั้ง และพบว่าบ้านหลังดังกล่าว ไม่ได้เป็น ของ 2 สามีภรรยา จึงมีการ สอบปากคำและรวบรวมข้อมูลอีกครั่ง เพื่อที่จะออกหมายจับ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.