ไทยร่วมประชุม FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก แสดงศักยภาพการเกษตรไทยในเวทีโลก
22 ก.พ. 2567, 15:55
วันนี้ ( 22 ก.พ.67 ) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมสมัชชาองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 37 (The 37th Session of the Regional Conference for Asia and the Pacific (APRC), Ministerial Session) ระหว่างวันที่ 19-22 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ร่วมแสดงศักยภาพการเกษตรไทยในเวทีโลก และย้ำความพร้อมในการเดินหน้าความร่วมมือเพื่อพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหาร เพื่อการผลิตที่ยั่งยืน
นางรัดเกล้าฯ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้มีรัฐมนตรีด้านการเกษตรจากทวีปเอเชียและแปซิฟิก จำนวน 13 ประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตร จำนวน 11 ประเทศ เข้าร่วม โดยประเทศไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยได้รับเกียรติจากนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ให้เป็นประธานในพิธีและร่วมกล่าวเปิดการประชุมฯ
ในการประชุมครั้งนี้ ไทยใช้โอกาสย้ำถึงความพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ FAO อย่างต่อเนื่อง และพร้อมร่วมเดินหน้าบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ให้ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางอาหาร ยั่งยืน ยืดหยุ่น และเป็นธรรม บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน โดยไทยยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเกษตรและอาหารที่ไทยมีศักยภาพ ซึ่งจากความสำเร็จของการเดินทางเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สามารถบรรลุความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา (Thailand - Sri Lanka FTA) จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงตลาดในระดับภูมิภาคของทั้งสองประเทศนั้น โดยเฉพาะในด้านการเกษตร และอาหาร ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตระหว่างกัน
นอกจากนี้ รมช. อนุชายังได้ตอกย้ำอีกด้วยว่า ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่ทุกภาคส่วน ในการปกป้อง ดูแล รักษาทรัพยากรดินและน้ำ ซึ่งเป็นรากฐานของกระบวนการผลิตอาหาร ระบบนิเวศ และสุขภาวะที่ดีของมนุษย์ นอกจากนี้ มีการดำเนินโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มน้ำของประเทศไทย ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ และการเกษตรแบบยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาระบบบริหารข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อการชลประทาน
“ไทยพร้อมใช้ศักยภาพในด้านการเกษตรและอาหารที่มี ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ เพื่อสร้างระบบการเกษตร อาหาร และการผลิตที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งจากการที่นายกฯ ได้เดินหน้าเจรจาการค้า ทำงานเชิงรุกขยายตลาดสินค้าการเกษตรของประเทศไทย โดยเฉพาะการที่ได้ลงนาม FTA ไทย-ศรีลังกา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาครอบคลุมความตกลงการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า กฎหมาย และความร่วมมือด้านต่างๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.02% มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งขยายการลงทุนและขยายมูลค่าการส่งออกของไทยไปศรีลังกา” นางรัดเกล้าฯ กล่าว