ตะลึง ! "ข้าวจี่ยักษ์" ใหญ่ที่สุดในโลก ในงานประเพณีบุญข้าวจี่มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ
2 มี.ค. 2567, 13:33
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามหน้าที่ว่าการ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีบุญข้าวจี่มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ ประจำปี 2567 ซึ่งชาว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย การประกวดแข่งขันและการเลือกซื้อสินค้าราคาถูกต่างๆ มากมาย อาทิการประกวดธิดาข้าวจี่ การประกวดขบวนแห่ข้าวจี่ การประกวดทำข้าวจี่ การแข่งขันส้มตำลีลา การแข่งขันสาวไหม การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเยาวชน/ลูกทุ่งประกอบหางเครื่อง การประกวดสินค้าเกษตร การประกวดไก่สวยงามไก่พ่อพันธ์พื้นเมือง การจำหน่ายสินค้าโอท้อป การแข่งขันวิ่งมินิมาราธอน 2024 แล่นเอาบุญ ปี 3 การจำหน่ายสินค้าราคาถูกจากโรงงาน เป็นต้น โดยมีหญิงสาวชาว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณกว่า 500 คนพากันแต่งชุดพื้นเมือง 4 เผ่าไทศรีสะเกษมาร่ายรำเปิดงานอย่างสวยงามตระการตา และที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปที่มาร่วมงานครั้งนี้เป็นอย่างมากก็คือ ข้าวจี่ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก จำนวนหลายก้อนตั้งอยู่บนรถซึ่ง อปท.ต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำข้าวจี่ยักษ์ขึ้นมาโชว์ในการจัดงานครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่สวยงามมาก โดยมี นายสุวรรณ เนตรเนติกุล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ เป็นผู้กล่าวรายงาน และมี นายวิชัย ศรีโพธิ์งาม เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ นายนคร บุตรดีวงศ์ พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ ดร.วิภา คงเพชร พมจ.ศรีสะเกษ นำหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดศรีสะเกษ/อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการ และประชาชนชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ มาให้การต้อนรับและร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้
นายสุวรรณ เนตรเนติกุล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ กล่าวว่า อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ ประกอบด้วย 5 ตำบล 80 หมู่ บ้าน ประชากร 23,536 คน ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและนับถือศาสนาพุทธ มีประเพณีที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน คือ "ประเพณีบุญข้าวจี่"ซึ่งชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาในเดือนสามของทุกปี ในปี พ.ศ.2567 อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณร่วมกับสภาวัฒนธรรมอำเภอ ส่วนราชการทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา และชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ได้กำหนดจัดงาน "ประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณประจำปี 2567 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2567 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ เพื่อสร้างซอฟต์เพาเวอร์ (SoftPower) ของอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ให้สอดคล้องกับนโยบาย 1 อำเภอ 1 เทศกาลสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับเมืองท่องเที่ยวรอง เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของจังหวัดศรีสะเกษ ในพื้นที่ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ มีวัดไตรสามัคคี เกาะนาคเมืองบาดาล ที่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญเป็นที่รู้จักระดับประเทศ มีประชาชนจากทั่วประเทศ มาสักการะกราบไหว้บูชาจำนวนมากในแต่ละวันสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และอำเภอใกล้เคียง ได้มาท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและร่วมกิจกรรมต่อไป
นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นในแต่ละเดือนมีความสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของชุมชนเป็น "วิถีชุมชน" ที่บรรพบุรุษแต่โบราณได้จัดบุญประเพณีต่างๆ ขึ้นในแต่ละเดือนเปรียบเสมือนการวางกุศโลบายให้หมู่บ้าน / ชุมชนมีความเสียสละ เกิดความรักความสามัคคีปรองดอง เอื้อเนื้อเผื่อแผ่และมีความร่วมมือในชุมชนที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณ ที่พวกเราทุกคนต้องอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามนี้ไว้ให้เป็นมรดกของลูกหลานสืบไป ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การจัดงานประเพณีบุญข้าวจี่ มหัศจรรย์ของดีโพธิ์ศรีสุวรรณ นี้ ได้จัดขึ้นด้วยการร่วมแรงร่วมใจของชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณทุกภาคส่วนนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชุมชนแล้วยังเป็นการส่งเสริมผลผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP สินค้าเกษตรและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในพื้นที่ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณมีทรัพยากรต้นทุนทางธรรมชาติที่งดงามไม่ว่าจะเป็นลำห้วยทับทัน ป่าชุมชนโนนใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ที่ควรแก่การอนุรักษ์ศึกษาโดยเฉพาะวัดไตรสามัคคี (เกาะนาคเมืองบาดาล) ที่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นที่รู้จักระดับประเทศ ทั้งหมดนี้จะเป็นการส่งเสริม สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อให้ชาวอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการสร้างซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) ของ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญ กับการส่งเสริม Soft Power ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีโลก