เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ราคาอ้อยฮวบ! ชาวไร่ 500 ชีวิตทนมา2ปี ยื่นหนังสือผู้ว่าฯสระบุรี ร้องนโยบายที่หาเสียงไว้


21 ต.ค. 2562, 18:16



ราคาอ้อยฮวบ! ชาวไร่ 500 ชีวิตทนมา2ปี ยื่นหนังสือผู้ว่าฯสระบุรี ร้องนโยบายที่หาเสียงไว้




วันที่  21  ตุลาคม 2562  เวลา 14.30  น. ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ณ หน้าสมาคมชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี    22  ม. 1 ต. คำพราน  อ. วังม่วง  จ.สระบุรี   ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ซึ่งมีรายงานมาว่า มีชาวไร่อ้อย จำนวน 500 คน โดยการนำ นายสมจิตร์  รุจิวรรณ์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี   และสมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี    เดินทางไปชุมนุม เพื่อยื่นหนังสือหน้าสมาคมชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี   ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ( เนื่องจากผู้ว่าราชการติดราชการ )  จึงได้ส่งตัวแทนคือ พันเอก เพิ่มศักดิ์  ขุนโขลน   รองผู้อำนวยการ กรมน. จังหวัดสระบุรี มารับหนังสือร้องเรียนแทน   เพื่อเสนอผ่านไปยัง พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี   ด้วยขณะนี้ใกล้ฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายฤดูผลิตปี   2562 / 2563  ซึ่งก่อนการเปิดหีบอ้อย และน้ำตาลทราย  โดยคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จะทำการกำหนดราคาอ้อยเพื่อจ่ายค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลทราย  ตามพระราชบัญญัติอ้อยน้ำตาล ปี 2527   ดังนั้น ชาวไร่อ้อยอ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี     จำนวน  500 คน จึงได้มารวมตัวเพื่อยื่นหนังสือ เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ทางหน่วยงานรัฐพิจารณาหาแนวทางเพิ่มราคาอ้อยที่ตกต่ำ  ในฤดูกาลนี้



นายสมจิตร   รุจิรวรรธน์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขื่อนป่าสักสระบุรี     เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาในวันนี้ เรื่องชาวเกษตรกรและชาวไร่ได้รับความเดือดร้อน ผลกระทบ จากราคาอ้อย จึงได้พากันมา ยื่นหนังสือ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  เพื่อ นำเรียนไปยัง นายกรัฐมนตรี ทวงสัญญา ที่ให้ไว้ เมื่อคราวหาเสียง ว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย ให้ได้ราคาตันละ 1,000 บาท     ณ. ความหวาน 10 ซีซี เอส  ประกอบกับปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งตัวมากยิ่งขึ้น  จึงทำให้ราคาอ้อยตกต่ำลงไปอีก  แต่ขนาดนี้ ราคาอ้อยตันละ 700 บาทยังไม่คุ้มทุน ราคาต้นทุน การผลิต ตกราคา 1,100 บาท แล้ว จนทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยขาดทุนต่อเนื่องมากกว่า 2 ปีแล้ว และหากไม่มีการแก้ไขเยียวยาต่อกรณีปัญหาดังกล่าว พี่น้องเกษตรกรที่ปลูกอ้อยซึ่งมีมากกว่า3,800ราย   จะประสบปัญหารายได้ไม่พอการดำรงชีพ และประสบปัญหาการขาดทุนติดต่อกันหลายปีเป็นการซ้ำเติมหนี้สินให้เพิ่มมากขึ้น จนทำไปสู่สภาวะล้มละลายทางอาชีพทำกินและครอบครัวตามมา เราเรียกร้องให้รัฐบาลให้ราคาอ้อย ตันละ 1,000 บาท ให้เกษตรกร แบกภาระน้อยหน่อย  นอกจากนี้จากการประชุมของภาครัฐบาล ที่จะให้เลิกใช้สารเคมี  จำนวน 3 ชนิด ได้แก่  พาราคอต  ไกลโฟโซล  คลอร์ไพริฟอส  นั้น  จะบอกว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ จำเป็นต้องใช้สารเคมี จำนวน 3 ชนิดนี้  เนื่องจากการใช้แรงงานที่จะกำจัดวัชพืชนั้น  ในปัจจุบันไม่สามารถใช้แรงงานได้เหมือนก่อน  การใช้ยาฆ่าหญ้าพาราควอต จึงมีความจำเป็นกับเกษตรกรทุกกลุ่มอาชีพเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งพิษของสารเคมีดังกล่าวยังเป็นที่ยุติที่ชัดเจนว่ามีผลกระทบตามที่อ้าง   หากจะมีการงดใช้สารเคมีดังกล่าวก็ควรที่จีสารเคมีตัวอื่นที่มีประสิทธิภาพและราคาที่ใกล้เคียงกันมาทดแทน  จึงเห็นควรให้เลื่อนการงดใช้สารเคมีออกไปก่อน จนกว่าจะมีสารเคมีตัวใหม่มาทดแทน


ส่วนนายเนรมิต  เชียงศรี  ตัวแทนชาวไร่อ้อย  ได้เปิดเผยว่า วันนี้พวกเราในฐานะตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ได้มายืนหนังสือให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  เพื่อส่งมอบไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะว่าปัญหาของชาวไร่อ้อยในขณะนี้ ประสบปัญหาอย่างหนัก  ด้วยราคาอ้อยที่ตกต่ำ ราคาตันละไม่ถึง1,000บาท  ซึ่งค่าใช้จ่ายในการลงทุนนั้นไม่คุ้มทุน ถ้าคิดแล้วหนึ่งไร่ตกตันละ 1,100 บาท   แต่ในขณะนี้อยู่ที่ราคาตันละไม่เกิน 750 บาท  ไม่คุ้มค่าต้นทุน  เพราะฉะนั้นทำให้ชาวไร่อ้อยต้องมายื่นหนังสือ เพื่อที่จะสะท้อนถึงปัญหา เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าลงทุนนั้น ไม่คุ้มกับทุนจริงๆ  ส่วนราคา 720 บาทนั้น ตนเรียกร้องอยากได้ตันละ 1,000บาท เพราะว่าไหนจะค่าคงชีพ ค่าแรง ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะค่าปุ๋ย ค่ายา  ไม่คุ้มกับค่าลงทุน  ฉะนั้นเกษตรกรในขณะนี้อยู่กันไม่ได้  ก็เลยต้องมายื่นหนังสือ เพื่อให้ท่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของพวกตนเอง  ส่วนเรื่องขาดทุนนั้น พวกตนขาดทุนมา 2 ปีแล้ว  วันนี้มีประชาชนที่มาร้องเรียนประมาณ 500 คน ที่อยู่ในโควต้า   1 โควตา ก็ประกอบไปด้วยหลายๆคนในครัวเรือน  แต่ที่มาวันนี้ยังมาไม่ถึง 50%  เอามาแค่ 500 คนก่อน  เพราะจริงๆเดือดร้อนกันทั้งหมด ซึ่งโรงงานในสระบุรีของเรา มีสมาชิกทั้งหมด  3,840 โควตา ถ้ารวมเป็นจำนวนคน ก็เป็นหลักหมื่น  ตนเองคาดว่าฝ่ายรัฐบาล เสนอนโยบายไว้ที่ตันละ 1,000 บาท อย่างน้อยไม่ถึง 1,000 แต่พวกตนก็อยากจะได้ 1,000 บาท  ถ้าถามว่าคาดหวังได้ไหม อย่างเช่น ข้าวโพด ,ยางพารา, ในตอนนี้ภาครัฐยังมีนโยบายประกันและช่วยเหลือ ซึ่งอ้อยยังไม่มีในระบบเลย  ตนเองคาดหวังว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี คงจะเห็นใจกับชาวไร่อ้อย   เพราะอนาคตของชาวไร่อ้อยในช่วงนี้ไม่รู้จะอยู่ได้หรือไมได้  แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ก็คงต้องมีการยกระดับ  
ส่วนในวันนี้ทางเราแค่ต้องการส่งหนังสือเพื่อให้ท่านผู้ว่ารับทราบข้อมูลและปัญหาความเดือดร้อน  แต่ถ้ายังนิ่งเฉยและยังไม่ได้รับการแก้ไขต่างๆ พวกตนเองก็จะยกระดับให้มากกว่านี้   ส่วนทางชาวไร่อ้อยจะมีการเปิดหีบภายในเดือนธันวาคม เหลืออีก  2 เดือน ซึ่งยังไม่มีราคาเบื้องต้นว่าอยู่ที่เท่าไหร่ ราคาเบื้องท้ายอยู่ที่เท่าไหร่  ชาวบ้านก็ยังไม่รู้มืดมนว่าปีนี้จะได้เท่าไหร่ ถ้าทางผู้ว่าได้รับหนังสือแล้ว พวกตนก็อยากให้ท่านนำเสนอไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด เพราะว่าจะเป็นประโยชน์แก่ชาวไร่อ้อย พวกตนเองคาดหวังไว้ก่อนจะถึงวันเปิดหีบ แต่ถ้ายังไม่ได้ผลก็จะมีการยกระดับทันที

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.