เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ด่วน ! ศาลพิพากษา "อ้อแอ้" จำคุกตลอดชีวิต คดีนำเข้ายาอีลายการ์ตูนขายในไทย


13 มิ.ย. 2562, 12:21



ด่วน ! ศาลพิพากษา "อ้อแอ้" จำคุกตลอดชีวิต คดีนำเข้ายาอีลายการ์ตูนขายในไทย




เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด10  เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.อัมพิกา ปะติตัง  (อ้อแอ้) อายุ 26  ปี  , น.ส.วรารัตน์  จันทมาส (แอ๋ม) อายุ 26  ปี  และนายทรงพล ทมิยะ อายุ 34 ปี  เป็นจำเลยที่ 1- 3  ในฐานความผิดร่วมกันนำเข้ายาอี (3,4 เมทิลลีน ไดออกซิเมทแอมเฟตามีน) ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายฯ ร่วมกันมียาอีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.มาตการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 

สืบเนื่องมาจากวันที่ 4-8 มีนาคม 2561 จำเลยทั้ง 3 ร่วมกันซื้อยาอีของกลางจำนวน 5,731 เม็ด ซึ่งเป็นยาอีรูปแบบใหม่ลายการ์ตูน สีสรรหลากหลาย ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน นักศึกษา เมื่อเสพเข้าไปจะออกฤทธิ์ให้มีความรู้สึกเพลิดเพลินและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ โดยบรรจุในกล่องอาหารสัตว์ซุกซ่อนในกระเป๋าเป้สะพายหลังที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง เอาเข้ามาในประเทศเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมจำเลยที่ 1-2 ขณะนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ส่วนจำเลยที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561



เมื่อพิจารณาคำเบิกความพยานโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ขณะจับกุมแล้วเชื่อว่า เบิกความตามข้อเท็จจริงที่ได้รู้เห็นซึ่งเบิกความสอดคล้องกันเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 แล้ว ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง

ส่วน น.ส.วรารัตน์ จำเลยที่ 2 แม้ในชั้นสอบสวน น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 จะให้ว่าร่วมลงทุนด้วยกันแต่คำเบิกความนั้นก็เป็นลักษณะพยานบอกเล่าที่จะต้องนำสืบและรับฟังร่วมกันพยานอื่น ซึ่งโจทก์ไม่มีพยานอื่นคงมีเพียงข้อมูลที่พบว่าจำเลยที่ 2 เดินทางร่วมมากับจำเลยที่ 1 โดยชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธระบุว่า ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การเกี่ยวกับข้อมูลตนเองเท่านั้นไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งชั้นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้อ่านบันทึกคำให้การให้จำเลยที่ 2 ฟัง พยานหลักฐานโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 นี้จึงยังมีเหตุสงสัยตามสมควรจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง เช่นเดียวกับนายทรงพล จำเลยที่ 3 ที่คงได้ความเพียงว่าจำเลยที่ 3 เคยร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 ช่วงเดือน ก.ค.2560 เท่านั้น แต่ก็ไม่มีการดำเนินการจับกุมในขณะนั้น


ตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงรับฟังได้เฉพาะ น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 ว่านำเข้ายาอี ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายฯ และมียาอีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.มาตการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 พิพากษาลงโทษบทหนักสุด ฐานนำเข้ายาอีเข้ามาจำหน่ายให้ประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้ริบของกลางไว้ทั้งหมด  ส่วน น.ส.วรารัตน์ และ นายทรงพล จำเลยที่ 2-3 พิพากษาให้ยกฟ้อง โดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสอง ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ทั้งนี้ ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง เพื่อนและญาติของจำเลยที่ 2 และ 3 ต่างส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ ส่วน น.ส.อัมพิกา หรือ อ้อแอ้ ซึ่งสวมชุดนักโทษสีน้ำตาลและแมสปิดใบหน้า ก็มีท่าทางซึมเศร้า






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.