โดยนายธวัช ได้กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ก่อเหตุนั้นได้ความประมาณว่าลูกสาวคนโตของผู้ก่อเหตุที่ชื่อ น.ส.นงนุช หลงฉิม อายุ 26 ปี ได้ไปกินอยู่กับสามีชาวฝรั่งเศสโดยได้เอาลูกสาวคนเล็กฝากไว้กับผู้ก่อเหตุ หลังจากนั้นไม่นานทางลูกสาวได้ติดต่อเข้ามาว่าตอนนี้ถูกสามีทำร้ายรวมทั้งเก็บเอกสารของ น.ส.นงนุชไว้กับตัวทั้งหมด อีกทั้งยังแจ้งตำรวจให้มาจับกุมพาไปฝากขังในพื้นที่แห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส จนไม่นานมานี้ได้มีคนไทยไปช่วยเหลือประกันตัวออกมาแต่กลับไปอยู่บ้านของสามีคนเดิมไม่ได้ รวมทั้งไม่ได้กินข้าวกินน้ำ ทำให้ตัวของนายฮอดเกิดความสงสารและความเครียดในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพะเยาเพื่อติดต่อขอให้ช่วยเหลือน.ส.นงนุช ซึ่งหลังจากนั้นผ่านมาอีกหลายวันเจ้าตัวได้ไปติดต่ออีกครั้งแต่กลับได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนและถูกบอกให้เดินทางมายังที่ว่าการอำเภอเชียงคำ เพื่อยื่นเรื่องการช่วยเหลือ จนล่าสุดวันนี้เข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่บนอำเภอซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังจะค้นหาข้อมูลให้แต่เมื่อเจ้าหน้าที่หันมาอีกที่ผู้ก่อเหตุก็ไม่อยู่แล้วทราบอีกทีก็พบว่าปีนเสาวิทยุเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาวตัวเอง

นายธวัช กล่าวต่ออีกว่า หลังจากทราบเรื่องก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทำการค้นข้อมูลที่ทางผู้ก่อเหตุได้ยื่นเรื่องกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและพบว่าเรื่องราวที่ยื่นนั้นทางสถานกงสุลฝรั่งเศสประจำประเทศไทยได้ดำเนินการยื่นเรื่องช่วยเหลือไปแล้วเมื่อวันที่ 15 มี.ค.67 ที่ผ่านมาและรอการประสานอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้เมื่อตนเองอ่านเอกสารให้ตัวผู้ก่อเหตุได้ทราบก็เริ่มที่จะผ่อนคลายอาการความเครียดลงไปรวมทั้งตนเองรับปากว่าทางตนเองและทางเจ้าหน้าที่อำเภอจะยินดีช่วยเหลือย่างเต็มที่ในเรื่องทีเกิดขึ้นนี้ด้วย

ล่าสุดทางนายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าฯพะเยา ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ว่า หลังจากที่ตนทราบเรื่องก็ได้ประสานไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพื่อขอทราบข้อมูลว่าการช่วยเหลือไปถึงไหนแล้ว ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นเรื่องช่วยเหลือ โดยหลังจากนี้ตนเองจะติดตามเรื่องราวนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือลูกสาวผู้ก่อเหตุให้เดินทางกลับคืนบ้านเกิดอย่างโดยเร็ว ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวอ้างว่าล่าช้านั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำตามขั้นตอนทุกอย่างและขอให้ตัวของนายฮอดมั่นใจได้ว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เช่นกัน