รวบตัว ! "ผู้ต้องหา" ลักลอบตัดไม้ประดู่กลางทุ่งนา ในพื้นที่อนุญาตของ สปก.4-01 พบไม้ประดู่ 14 ท่อน
26 มี.ค. 2567, 11:24
เมื่อวานนี้( 25 มีนาคม 2567) เวลาประมาณ 14.20 น. เจ้าหน้าที่หน่วยป้อง สร. 2 ได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ว่ากำลังมีการบรรทุกไม้ประดู่ที่มิชอบด้วยกฎหมายเพื่อเคลื่อนย้ายออกจาก พื้นที่ ทางทิศตะวันตกโรงเรียนตานีวิทยา ห่างประมาณ 1 กิโลเมตร ตำบลตานี อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงได้ประสานงานทางโทรศัพท์ ไปยังผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโชคนาสาม แจ้งให้ชุดสายตรวจ ไปตรวจสอบความถูกต้อง เกรงว่าผู้กระทำผิดจะหลบหนีไปก่อน เวลาประมาณ 14.49 น. คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ นำโดย ร.ต.อ.ปรีชา ราชคำจันทร์ รอง สวป.สภโชคนาสาม และ ด.ต. นันทเกียรติ พรหมบุตร ผบ.หมู่ (ป.)สภโชคนาสาม ไปถึงที่เกิดเหตุพบชาย 2 คน กำลังช่วยกันช้รถที่มีเครื่องทุ่นแรงยกไม้ประดู่ ใส่ท้ายกระบะรถ 10 ล้อ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบว่า ไม้ดังกล่าวมีเอกสารการได้มาถูกต้องหรือไม่ ให้รอเจ้าหน้าที่ป่าไม้ซึ่งกำลังเดินทางมาตรวจสอบ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 14.55 น. คณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.2 ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สุรินทร์ เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรโชคนาสาม ได้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบพบว่าชาย 2 คน ทราบชื่อภายหลังจากการสอบถม ชื่อนายธารทอง ทองใบ และนายชุมพล หลวงศรี พบรถยนต์กระบะบรรทุก 10 ล้อ (มีข้างเสริม) ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว เขียว ม่วง เหลือง แดง หมายเลขทะเบียน 71-3162 เพชรบุรี จำนวน 1 คัน บนกระบะรถ พบไม้ประดู่ จำนวน 7 ท่อน และ
รถยนต์กระบะบรรทุก 6 ล้อ มีเครื่องทุ่นแรง (ขนาด 3 ตัน) ยี่ห้อ อีซูชุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 67-2039 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน พร้อมลวดสลิงยกไม้จอดอยู่ข้างตอไม้ประดู่ ซึ่งยังเหลือไม้ประดู่ท่อน จำนวน 2 ท่อน ตอไม้ และพบตอไม้ประดู่ ตอที่ 2 ประดู่ท่อนซึ่งตัดทอนแล้ว จำนวน 5 ท่อน ไม้ประดู่ดังกล่าวมีลักษณะใหม่สด ไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างมาก่อน ไม่มีรูปรอยดวงตราใดๆ ของรัฐบาลตีประทับไว้ที่หน้าตัดแต่อย่างใด มีร่องรอยการตัดฟันและทอนโดย ใช้เลื่อยโช่ สอบถามชายทั้ง 2 คน ถึงเอกสารการได้ไม้ของไม้ประดู่ ชายทั้ง 2 คน แจ้งต่อคณะเจ้าหน้าที่ว่า ตนทั้งสองคนเป็นผู้รับจ้าง ไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์หรือไม่ แต่ผู้ว่าจ้างอ้างว่าเป็นไม้ถูกต้อง อีกทั้งลักษณะ ที่ดินเป็นที่นาอยู่ใกล้ชุมชน ติดทางหลวงหมายเลข 24 ตนทั้งสองคนเข้าใจว่า น่าจะเป็นไม้ที่ถูกต้องและผู้จ้างวานก็ยืนยันกับตนว่า เป็นไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ระหว่างการตรวจสอบมีชาย 1 คน ได้เข้ามาที่เกิดเหตุ ทราบชื่อภายหลัง จากการสอบถามชื่อนายเอือย โสนาพูน อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 8 บ้านหนองยาว ตำบลสมุด อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ แสดงตัวเป็นนายหน้าซื้อไม้ประดู่ดังกล่าว ให้กับนายทุน ไม่ทราบชื่ออยู่ที่ไม่ทราบ ที่อยู่โดยได้รับค่านายหน้า 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาไม้ ติดต่อการจ่ายเงินทางโทรศัพท์ และนายเอื่อยฯเป็นผู้ติดต่อให้นาย
ธารทองๆ มายกไม้ หลังจากนั้นนายธารทองฯ ก็ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ กับนายชุมพล หลวงศรี ให้มาบรรทุกไม้ประดู่โดยที่ทั้งสองคนไม่ทราบว่าไม้ประดู่ดังกล่าว ขึ้นอยู่บนที่ดินที่มีเอกสาร ส.ป.ก. -401 ซึ่งมีนายเติม พรมมา เป็นผู้ ครอบครองได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ส่วนรถยนต์จำนวน 2 คัน สอบถามผู้ขับขี่รถแล้วให้การว่า ผู้ถือกรรมสิทธิ์รถทั้งสองคัน ไม่ทราบและไม่รู้เห็นกับการกระทำของนายธารทองฯ และนายชุมพลฯ แต่อย่างใด คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำ ผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 "ร่วมกันทำไม้หวงห้าม ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดย ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่"
จึงได้แจ้งสิทธิตามกฎหมาย และข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น ให้กับขายทั้ง 4 คนทราบแล้ว ให้การรับสารภาพ
ตลอดข้อกล่าวหา คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดไม้ประดู่ของกลาง รวมทั้งสิ้น จำนวน 14 ท่อน ปริมาตร4.83 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 386.40 บาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 169,050 บาท พร้อม ทั้งตรวจยึดอุปกรณ์การกระทำผิด เป็นรถยนต์ จำนวน 2 มอบเรื่องราวให้ นายไกรศรี มณีอ่อน เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส นำเรื่องราวพร้อม ผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโชคนาสาม อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป