เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่อำเภอกำแพงแสนผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้ประสานงานนายศุภชัย สระเพิ่มพูล 30 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 7 ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐมหลังนายศุภชัย ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยมารื้อแท้งค์น้ำ ที่สร้างมา 30 กว่าปี  ซึ่งขณะนี้มีสภาพชำรุดทรุดโทรมเกรงจะหล่นทับ

จึงได้ไปพบนายศุภชัย ได้บอกว่าเมื่อ 30กว่าปีที่แล้วสมัยปู่ย่า ได้ให้พื้นที่ปลูกแท๊งค์น้ำ โดยให้ปากเปล่า แลกเปลี่ยนกับการใช้น้ำฟรี โดยวันนี้มาเป็นตัวแทนของพี่สาว บ้านเป็นพี่สาวผมมีแทงค์น้ำตั้ง ประมาณ 30 ปี แล้วแทงค์น้ำปูนระเบิด เห็นเหล็ก ฐานรากไม่แข็งแรง จึงหยุดการปล่อยน้ำขึ้นแทงค์ มาประมาณเกือบปี เพราะกลัวแทงค์น้ำจะถล่มใส่บ้านเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ในพื้นที่ใกล้กันมีถึง 3 หลัง  และบริเวณข้างเคียงก็มีเด็กเล็กๆมากมาย มันไม่มีใครที่จะสบายใจและสมัครใจที่จะอยู่บนความอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยยื่นเรื่องมาหลายเดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า

ซึ่งก่อนหน้านี้ พี่สาวยื่นคำร้องที่หน่วยงาน ก็ไม่รับหนังสือคำร้องครับ เขาให้ไปจ้างทนายฟ้องให้ศาลตัดสิน อยากถามว่าหน่วยงานอำนวยความสะดวกอะไรให้กับชาวบ้าน ทั้งๆที่จริงๆสามารถทำประชาคมได้ หลังทางที่โพสต์โชลเชี่ยวไป ประกอบกับรู้สึกอึดอัด ได้ติดป้ายขนาดใหญ่ราคา 3,000 บาท ติดประกาศขายบ้าน 3 ไร่  เพื่อจะได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น
หลังจากที่โพสต์ในโซเชี่ยล ได้มีจนท.อบต และ จนท.ทาง อำเภอกำแพงแสนเข้ามาดู

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรไปสอบถามนายสุรินทร์ ท่าน้ำตื้น ปลัดอบต.รางพิกุล  กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม ถกในกรณีดังกล่าว เนื่องจากสมัย ก่อนปู่ ย่า ซึ่งเป็นเจ้าของที่ ได้ยกที่ดินให้เป็นสาธารณะ แต่ไม่มีการทำหนังสือ เป็นการอุทิศให้ปากเปล่า  หลังได้รับการร้องเรียน ทางอบต.ได้ส่ง จนท.ลงมาตรวจสอบ พบว่าแท๊งค์ดังกล่าว ชำรุดจริง ส่วนจะรื้อ หรือไม่ ต้องใช้เวลาอยู่ตรวจสอบ และ รายละเอียดขั้นตอนของกฎหมาย