ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากการสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาการแทน ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผบ.พล.ร.9พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม(ปป.) พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี

 

นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.สุรเดช เมฆานุวงศ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)ให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสนธิกำลังบูรณาการเฝ้า ระวังป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรีอย่างเข้มข้นขึ้นเป็น 2 เท่า เนื่องจากปัจจุบันขบวนการลักลอบขนนำพาแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องทุกวัน

 

โดยห้วงวันที่ 30 มี.ค.ต่อเนื่องมาถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์/ร.29 ได้จัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่ 135 และเจ้าหน้าที่ อส.อ.ทองผาภูมิ ปฏิบัติหน้าที่ในจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เพื่อป้องกันและป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

 

อีกทั้งมีการสนธิกำลัง 96 นาย ออกตรวจตราทางบก รวม 8 จุด ออกตรวจทางน้ำ 10 นาย รวม 2 จุด จัดกำลังลาดตระเวน 15 ครั้ง จำนวน 50 นาย และตั้งจุดตรวจแบบไม่ประจำที่ 6 ครั้ง จำนวน 17 นาย

 

 ผลการปฏิบัติห้วงเวลา 06.00 น.วันที่ 30 มี.ค.สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) จำนวน 23 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ จำนวน 3 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณจุดตรวจร่วมหน้าวัดเขื่อนวชิราลงกรณ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ

 

เวลา 07.40 น.จับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) จำนวน 13 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ จำนวน 1 คัน เหตุเกิดบริเวณ หมวดการทางทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ

 

เวลา 07.50 จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาได้ จำนวน 12 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ จำนวน 1 คัน จับกุมได้ที่บริเวณหน้าวัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เวลา 10.00 น.จับกุมได้อีก จำนวน 2 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ จำนวน 1 คัน เหตุเกิดบริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ

 

เวลา 19.30 น.จับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) ได้ที่บริเวณ หมู่ 4 ต.ท่าขนุน จำนวน 33 คน และห้วงเวลา 22.00 น.ต่อเนื่องมาถึงเช้าวันใหม่ (31 มี.ค.)จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาได้ที่หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จำนวน 36 คน

 

รวมจับกุมทั้งหมด จำนวน 119 คน ยึดรถยนต์ 5 คัน ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นผู้นำพาเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ สำหรับแรงงานชาวเมียนมาที่ถูกจับกุมโดยไม่มีผู้นำพานั้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางต่อไป

 

รายงานว่า สำหรับแรงงานที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ด้วยการใช้ช่อทางธรรมชาติตามแนวชายแดนด้านบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เมื่อข้ามเข้ามาได้จะมีผู้นำพาที่เป็นชาวเมียมาด้วยกันนำเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อหลีกเลี่ยงด่านตรวจด้านความมั่นคงน้ำเกริ๊ก หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จากนั้นจะมีคนขับรถยนต์มารับแล้วนำไปลงเรือที่ท่าเรือในพื้นที่หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี หรือไม่ก็ไปหลบซ่อนตัวรอคนมารับที่บริเวณป่าชายน้ำก่อนทางขึ้นเนินยาว จากนั้นลงเรือไปขึ้นฝั่งที่บ้านท่าแพ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ และยังมีช่องทางเดินทางเข้ามาพื้นที่ชั้นในของจังหวัดกาญจนบุรีอีกหลายช่องทาง

 

ปัจจุบันกลุ่มแรงงานที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่แล้วจะอ้างว่าต้องการเดินทางไปทำงานพื้นที่จังหวัดชั้นใน เช่น สมุทรสงคราม สมุทรสาคร หรือนครปฐม รวมทั้งจังหวัดทางภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร แต่ความเป็นจริงนั้นกลุ่มแรงงานที่ถูกทางการไทยจับกุมสาเหตุเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ประกาศเกณฑ์เกณฑ์เยาวชนทั้งหญิงและชายที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปไปฝึกรบเพื่อต่อสู่กับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล จึงเป็นสาเหตุทำให้ปะชาชนชาวเมียนมา หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ถึงแม้จะรู้ว่าต้องถูกจับกุมก็ตาม และมีกลุ่มนักศึกษากว่า 30 คน ที่เดินทางเข้ามาโดยไม่มีผู้นำทาง แล้วถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ได้แจ้งว่าตนเองต้องการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย แต่มาถูกจับกุมในระหว่างที่จะมีผู้มารับ