จากกรณีที่ศาลจังหวัดหลังสวน จังหวัดชุมพร  ได้อนุมัติหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ในคดีอุ้มฆ่า นายขนบ สมหวัง  หรือเสี่ยหมาส หลังจากได้รับข้อมูลผลตรวจดีเอ็นเอศพจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ซึ่งยืนยันว่าศพที่พบคือศพของนายขนบ สมหวัง จริง โดยผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 5 คน ประกอบไปด้วย เจ๊อ้วน หรือ นางวันเพ็ญ ธัญญพงศ์พานิช อายุ 65 ปี   นายสมชัย รัตนะ ซึ่งเป็นมือปืนที่อุ้มฆ่า   นายสุทีป สังขโชติ   นายพฤหัส เอียดตน และ  นายวีรภัทร ฤทธิชัย  

             และในช่วงบ่ายวานนี้(31 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 69/67 ไปจับกุมตัวนางวันเพ็ญ หรือ “เจ๊อ้วน” ธัญญพงศ์พานิช อายุ 64 ปี ที่บ้านพักเลขที่ 84 หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ที่ก่อเหตุสั่งการอุ้มฆ่า นายขนบ สมหวัง หรือโกหมาส อายุ 56 ปี สามีตนเอง ในข้อหากระทำความผิดฐาน  เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าใช้บังคับขู่เข็ญ หรือจ้างวาน หรือยุยงส่งเสริมด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้เพื่อผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนนั้นกระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นส่วนตนหลีกเลี่ยงเพื่อพ้นความผิดอาญา ที่ตนกระทำไว้ ร่วมกันอำพรางซ่อนเร้น เพื่อให้ทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุการตาย  ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆ ไม่กระทำการใดๆ หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายใดๆต่อร่างการเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินต่อผู้ถูกข่มขืนใจนั่นเองหรือของผู้อื่นและร่วมกันหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้ผู้กระทำแก่ผู้อื่น   

               ซึ่งทางพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น ก่อนที่จะนำตัว เจ๊อ้วน เข้าห้องคุมขังของโรงพักนาสัก โดยพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีโทษสูง ทำให้ เจ๊อ้วน จะต้องในห้องขังของโรงพักเพียงลำพัง ไม่มีผู้ต้องหาคนอื่นๆ 

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรนาสัก จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่คุมขัง นางวันเพ็ญ หรือ “เจ๊อ้วน” ธัญญพงศ์พานิช  ผู้ต้องหาในคดีฆ่านายขนบ หรือ เสี่ยหมาส  โดยพบว่า เจ๊อ้วน ยังคงอยู่ภายในห้องคุมขัง เพียงลำพังคนเดียว ซึ่งจากการสอบถามพนักงานสอบสวน ทราบว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เหลือ และคาดว่าจะนำตัว เจ๊อ้วน ไปฝากขังที่ศาลในช่วงบ่ายวันนี้  

            ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 ราย ที่ถูกออกหมายจับ นั้น ทางชุดสืบสวนอยู่ในระหว่างการดำเนินการติดตามตัว มาดำเนินดคี ซึ่งล่าสุดยังไม่มีข้อมูลว่า มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เหลือเอาไว้หรือยัง

           จากนั้นเวลาประมาณ 08.15 น. ได้มีคนงานในสวนทุเรียนของเจ๊อ้วน เดินทางมาเยี่ยมเจ๊อ้วนเป็นคนแรก โดยเดินทางมาพร้อมกับกล่องข้าวมันไก่ 1 กล่อง และน้ำเต้าหู และน้ำเปล่า 2 ขวด เพื่อมาเยี่ยมเจ๊ โดยได้เข้าไปเยี่ยมเจ๊หน้าห้องขัง และมีการพูดคุยสักถามกันประมาณ 15 นาที เนื้อหาการพูดคุย คนงานได้สอบถามเจ๊อ้วนว่า เมื่อคืนนอนหลับเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงให้เจ๊อดทนรออีกหน่อยนะ ทุกคนกำลังหาทางช่วยเจ๊ประกันตัวออกมา
             
จากคนงานได้เยี่ยมเจ๊อ้วนเสร็จ ทีมข่าวได้สอบถาม คนงานสวนทุเรียนว่าได้พูดคุยอะไรกับเจ๊อ้วนบ้าง โดยเจ้าตัวบอกกับทีมข่าวว่า ตนเองได้ซักถามเจ๊อ้วนว่าเมื่อคืนนี้เจ๊นอนหลับสบายไหม เจ๊อ้วนบอกว่า ตัวเองนอนหลับได้ดีขึ้น ไม่เครียด ไม่กังวลอะไรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลับดีกว่าทุกคืนด้วยซ้ำ ถึงแม้จะนอนลำบากไปบ้าง เพราะ ต้องนอนกับพื้นแข็งๆ ไม่มีทั้ง หมอนและที่นอน เนื่องจากตำรวจไม่ให้เอาเข้าไปในห้องขัง แต่ก็สบายใจ

             เจ๊อ้วนยังฝากให้ตนเองไปบอกกับญาติคนในงานศพของเสี่ยอีกด้วยว่า ให้จัดงานศพให้เสี่ยให้ดี ช่วยดูแลจัดการงานศพแทนแกด้วย เพราะแกคงไม่มีโอกาสได้ไปงานศพเสี่ยอีกแล้ว และคงไม่ได้ออกไปหาใครอีกแล้ว โดยเจ๊อ้วน จะขอไม่ยื่นประกันตัวในชั้นศาล ไม่ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอลดโทษ ไม่ยื่นฎีกาในชั้นศาลทั้งหมด เจ๊อ้วนใช้คำว่า ตัวเองปลงแล้ว ยอมรับสภาพ ยอมรับผลกรรม ถึงตนเองได้ออกมาอยู่ข้างนอกก็คงเหงา ขออยู่ข้างในคุกดีกว่า อย่างน้อยก็มีเพื่อน ได้ทำกิจกรรมข้างใน และขอให้ญาติทุกคนรู้ว่า ไม่ต้องมาประกันตัวแก แกอยู่ได้ ซึ่งตนเองก็ได้แต่ปลอบใจเจ๊อ้วนว่า ขอให้เจ๊ดูแลตัวเองดีๆ หากเข้าไปอยู่ข้างในมันไม่ได้สบาย เนื่องจากเจ๊อ้วนมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องกินยาอยู่แล้ว รวมถึงสุขภาพก็ไม่ดีป่วยหลายโรค ซึ่งเจ๊ก็แก่แล้ว หากเจ๊ทำตัวดี ศาลท่านอาจจะเมตตาลดโทษให้ก็ได้ นายนิรัณน์ ชินผา ลูกน้องคนสนิทกล่าวไว้