วันนี้ ( 8 เม.ย.67 ) เวลา 12.30 น. ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีรัฐบาลเมียนมาประสานรัฐบาลไทย เพื่อขอใช้สนามบินแม่สอด ลงจอดเครื่องบินของกองทัพ ว่า ได้รับการรายงานเรื่องนี้แล้ว ตามที่นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องการขนย้ายสิ่งของพลเรือนตามปกติ ไม่มีการขนส่งทางทหาร โดยมีการขออนุญาติอย่างถูกต้อง ยืนยันว่า ไม่มีการขนอาวุธ หรือพลทหารแต่อย่างใด

ส่วนกรณีกระทรวงกลาโหมได้มีเอกสารเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายกฯ ระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องใหญ่ในเมียนมา ซึ่งจะมีการเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการนายกฯ มาประชุมเพื่อที่จะได้ออกมาในทิศทางเดียวกัน

สำหรับพื้นที่ชายแดนไทยที่ติดต่อกับเมียนมา หากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ จนทำให้มีผู้ลี้ภัยทะลักเข้ามาในประเทศไทย จะจัดการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ต้องการการบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ เพราะมีชายแดนที่ติดต่อกันประมาณ 2,000 กิโลเมตร โดยมีประชาชนในเมียนมาจำนวนใกล้เคียงกันกับไทย ความประสงค์ของรัฐบาลไทยชัดเจนคืออยากให้ประเทศเมียนมาสงบ และเป็นหนึ่งเดียวกัน และเจริญเติบโตไปตามศักยภาพที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญ และอยากให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในประเทศเมียนมา  

ส่วนแผนรองรับ หากมีการทะลักเข้ามาของผู้ลี้ภัยนั้น นายกฯ  ระบุว่า ยังไม่มีการทะลักเข้ามา ส่วนจุดพักพิงด้านสิทธิมนุษยชน จากที่ได้รับรายงานมาก็ยังไม่มีปัญหาอะไร

สำหรับเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่มีการรับผู้ลี้ภัยเข้ามาแล้ว ในอนาคตจะมีการส่งต่อ หรือส่งกลับอย่างไร นายกฯ  กล่าวว่า อย่าพึ่งไปคาดเดาในเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ให้ความสำคัญกับความสงบและ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย