เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ไฟป่าสาละวินในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงหนัก ยังมีบางจุดที่ไม่สามารถเดินเข้าไปดับได้


8 เม.ย. 2567, 17:56



ไฟป่าสาละวินในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงหนัก ยังมีบางจุดที่ไม่สามารถเดินเข้าไปดับได้




วันที่ 8 เมษายน 2567 นายลิขิต ไหวพรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสาละวิน รายงานว่า อุทยานแห่งชาติสาละวิน ตรวจสอบจุดความร้อน (ดาวเทียมระบบ viirs (Suomi NPP) รอบช่วงเวลา 02.09 น. ผลการตรวจสอบพบจุด Hotspot จำนวน 87 จุด โดยทางอุทยานฯ ได้จัดกำลังชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่า รวมอัตรากำลังพลเข้าดับไฟป่า จำนวน 228 นาย และแบ่งการดับไฟป่า เป็น 9 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 บริเวณพื้นที่บ้านโพซอ บริเวณห้วยเเม่โกมอง รวมจุด Hotspot 4 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯโพซอ 4 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 9 นาย รวมทั้งสิ้น 13 นาย และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้

 



กลุ่มที่ 2 บริเวณพื้นที่บ้านเเม่ชบา รวมจุด Hotspot 21 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน เจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯอุมดา 6 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า 9 จำนวน นาย รวมทั้งสิ้น 15 นาย เข้าดำเนินการทั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. – 8 เม.ย. 67 และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้ และดำเนินการด้วยวิธีการสู้ไฟแบบเผากลับ (back firing method) โดยการทำแนวกันไฟด้วยเครื่องเป่าลมแล้วใช้ไฟเผากลับ ซึ่งจะพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน และการเข้าถึงขอบไฟส่วนหน้าได้ลำบาก

กลุ่มที่ 3 บริเวณพื้นที่บ้านเเม่กองแป บริเวณห้วยอินวล ห้วยเเม่สะเกิบ ห้วยละคา และบริเวณห้วยอมปะ รวมจุด Hotspot 25 จุดได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯอุมดา 6 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 9 นาย และชุดไฟป่าสกลนคร (เสือไฟ) จำนวน 9 นาย รวมทั้งสิ้น 24 นาย เข้าดำเนินการทั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. – 8 เม.ย. 67 และมีการดำเนินการด้วยวิธีการสู้ไฟแบบเผากลับ (back firing method) โดยการทำแนวกันไฟด้วยเครื่องเป่าลมแล้วใช้ไฟเผากลับ ซึ่งจะพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน และการเข้าถึงขอบไฟส่วนหน้าได้ลำบาก

กลุ่มที่ 4 บริเวณพื้นที่บ้านห้วยเเห้ง บริเวณห้วยเเม่ละมอง รวมจุด Hotspot 11 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯแม่ก๋อน 2 นาย เจ้าที่สายตรวจส่วนกลาง จำนวน 3 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 7 นาย รวมทั้งสิ้น 11 นาย และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้

กลุ่มที่ 5 บริเวณพื้นที่บ้านป่าเหว บริเวณห้วยเเม่ละมอง รวมจุด Hotspot 15 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯศาลา 4 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 6 นาย รวมทั้งสิ้น 10 นาย และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้ และดำเนินการด้วยวิธีการสู้ไฟแบบเผากลับ (back firing method) โดยการทำแนวกันไฟด้วยเครื่องเป่าลมแล้วใช้ไฟเผากลับ ซึ่งจะพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน และการเข้าถึงขอบไฟส่วนหน้าได้ลำบาก

กลุ่มที่ 6 บริเวณพื้นที่บ้านห้วยห้อม บริเวณห้วยห้อมและห้วยวอก รวมจุด Hotspot 2 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯห้วยหวาย 4 นาย เจ้าที่สายตรวจส่วนกลาง จำนวน 2 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 6 นาย รวมทั้งสิ้น 12 นาย และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้

กลุ่มที่ 7 บริเวณพื้นที่บ้านท่าตาฝั่ง บริเวณห้วยโกเฮและห้วยน้ำกัด รวมจุด Hotspot 5 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯท่าตาฝั่ง 4 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 15 นาย รวมทั้งสิ้น 19 นาย และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้

กลุ่มที่ 8 บริเวณบ้านเเม่สามแลบ บริเวณห้วยอ้อย ห้วยเเม่ปอ เเละห้วยเเม่เเวน รวมจุด Hotspot 18 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯแม่สามแลบ 5 นาย ชุดเจ้าที่ไฟป่าโคราช จำนวน 10 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 12 นาย รวมทั้งสิ้น 27 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้

กลุ่มที่ 9 บริเวณพื้นที่บ้านเเม่กองคา บริเวณห้วยโผ 2 จุด ได้ส่งกำลังเจ้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ฯห้วยบง 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า จำนวน 4 นาย รวมทั้งสิ้น 8 นาย

และมีการดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้

 


ทั้งนี้ ทางอุทยานฯ ได้มีการประชุมฯ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานดับไฟป่า โดย (1) วางแผนการปฏิบัติงาน และการจัดเตรียมกำลังพลก่อนเข้าพื้นที่ดำเนินการ (2) ดำเนินการด้วยวิธีสู้ไฟโดยตรง (direct attack method) เมื่อไฟมีความรุนแรงน้อย และมีการลุกลามช้า โดยพิจารณาจากการเข้าถึงพื้นที่ที่สามารถดับไฟที่ขอบไฟส่วนหน้าได้ (3) ดำเนินการด้วยวิธีการสู้ไฟแบบเผากลับ (back firing method) โดยการทำแนวกันไฟด้วยเครื่องเป่าลมแล้วใช้ไฟเผากลับ ซึ่งจะพิจารณาดำเนินการในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน และการเข้าถึงขอบไฟส่วนหน้าได้ลำบาก

สำหรับปัญหาเเละอุปสรรค ในการทำงานเนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกล มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน ทั้งบางพื้นที่ยังมีการลุกลามไฟเป็นวงกว้างทำให้การเดินทางเข้าถึงจุดเกิดไฟเป็นไปด้วยความลำบาก และในพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ทำให้การสื่อสารมีความล่าช้าในการประสานงานเพื่อเข้าถึงจุดเกิดเหตุ.

 


คำที่เกี่ยวข้อง : #onbnews  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.