อสส.เลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี ม.112 "ทักษิณ" ไป 29 พ.ค. เหตุยังสอบสวนเพิ่มเติมไม่ครบทุกประเด็น
10 เม.ย. 2567, 12:07
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) พร้อมด้วยรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์, นายณรงค์ ศรีสันต์, นายจิตภัทร พุ่มหิรัญ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นายประยุทธกล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งให้สอบสวนในคดีนี้เพิ่มเติมเพื่อให้สิ้นกระแสความ และได้ให้พนักงานสอบสวนส่งรายงานการสอบสวนเพิ่มเติมมาภายในวันที่ 10 เมษายนนั้น วานนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาเพียงบางประเด็นเท่านั้น ยังไม่ครบถ้วนทุกประเด็น ดังนั้น อัยการสูงสุดจึงยังไม่อาจมีความเห็น หรือคำสั่งในทางคดีได้ จึงได้เลื่อนการฟังคำสั่งในคดีนี้อีกครั้งไปเป็นวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น.
นายประยุทธกล่าวว่า วานนี้เวลา 16.00 น. ได้แจ้งผลไปยังนายทักษิณแล้วว่าผลการสอบยังไม่ครบถ้วน และวันนี้นายทักษิณไม่ได้เดินทางมาที่อัยการสูงสุดเพื่อรับทราบคำสั่ง แต่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมารับทราบคำสั่งดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่า กรณีการเลื่อนฟังคำสั่งนั้น มี 2 กรณีคือเกิดจากเรื่องเพราะเหตุฝั่งหน่วยงานราชการ และเลื่อนเพราะเหตุปัจจัยของฝั่งผู้ที่ต้องมารับทราบนัด ซึ่งกรณีในวันนี้เป็นเหตุขัดข้องจากหน่วยงานราชการที่งานของกระบวนการยุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการปกติ
นายประยุทธกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมนั้น ยังคงไม่สามารถเปิดเผยได้ละเอียดได้ แต่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 70-80 ซึ่งเป็นการสอบถ้อยคำกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีกร้อยละ 30 นั้น เป็นการดำเนินการด้านเอกสาร หรือด้านอื่นๆ เกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญต่างๆ และหากพนักงานสอบสวนได้ส่งประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนก่อนวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุขัดข้องให้ต้องเลื่อนการฟังคำสั่งในคดีออกไปอีก
ขณะที่นายณรงค์กล่าวว่า สำหรับแนวทางการปฏิบัติของผู้ต้องหาหลังจากทราบวันนัดต่อไปแล้ว ผู้ต้องหาจะต้องมารายงานตัวด้วยตนเอง หากไม่มาต้องยื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนการรับฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นเพื่อให้หัวหน้าอัยการใช้ดุลพินิจว่ามีเหตุควรอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ หากไม่มีจะให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวออกหมายจับเพื่อมาฟังคำสั่งในคดีต่อไป
นายณรงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ หากกระบวนการสั่งคดีของอัยการยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากกระบวนการทางกฎหมาย เช่น การสอบสวนเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จ ผู้ต้องหาสามารถมอบหมายให้นายประกัน ญาติ หรือทนายความ เพื่อมารับฟังคำสั่งเลื่อนของอัยการได้ ซึ่งเหมือนกับผู้ต้องหามาขอเลื่อนด้วยตนเองแต่หากภายหลังมีการผิดนัดผิดสัญญาประกัน ก็สามารถดำเนินการบังคับตามสัญญาประกันได้
นายณรงค์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน หากในวันนัดฟังคำสั่งครั้งแรกแรกผู้ต้องหาได้เดินทางมาฟังคำสั่งฟ้องด้วยตัวเองแต่ ไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์การประกันตัวมา ผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อยื่นคำร้องเลื่อนการส่งตัว เพื่อเตรียมหลักประกันชั้นศาลก่อนได้ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการตามปกติในการควบคุมตัว
ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยว่า หน้าที่ตนมาในฐานะทนายความได้รับอำนาจมารับทราบคำสั่งของทางอัยการ เพราะเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา นายทักษิณได้มารายงานตัวและอัยการได้ปล่อยชั่วคราวไปตามที่เป็นข่าว โดยนัดครั้งนี้อัยการได้ขอเลื่อนนัดต่อไปคือวันที่ 29 พ.ค. เพื่อฟังคำสั่งอีกครั้ง
นายวิญญัติกล่าวว่า ปกติคดีอาญาทั่วไปจะทางผู้ต้องหา หรือทนายต้องประสานกับอัยการล่วงหน้า 1 วันว่าในนัดครั้งนี้อัยการจะสั่งหรือไม่ ถ้านัดสั่งฟ้องก็ต้องเตรียมหลักทรัพย์มายื่นประกัน หากมีเหตุอื่นที่ยังไม่สามารถสั่งฟ้อง ท่านก็จะแจ้งเรามา ทางผู้ต้องหาจะมาเองหรือจะมอบอำนาจให้นายประกันหรือทนายความมาแทนก็ได้ ส่วนในเรื่องคดีแม้ว่าตนจะเป็นทนายความดูแลแต่ตนขอไม่ลงรายละเอียดในการต่อสู้คดีเป็นความลับประกอบกับว่า อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมซึ่งมีรายละเอียดอยู่หลายประการ ส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา เราก็ให้การเพิ่มเติมไป หากเกี่ยวกับพยานคนอื่นหรือพยานคนกลางก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกับอัยการที่จะมอบหมาย ในรายละเอียดเราไม่ทราบและขออนุญาตไม่เปิดเผย ไม่ลงรายละเอียดทั้งหมด หากพูดไปอาจกระทบคดี
นายวิญญัติกล่าวต่อว่า ส่วนครั้งหน้าถ้ามีการสั่งฟ้องเราก็มาตามนัด และก็ไปปรากฏตัวที่ศาล เราก็มีหน้าที่ขอปล่อยชั่วคราว ตามอัตราที่ศาลกำหนดไว้ แต่ถ้าอัยการสูงสุด หรือรองอัยการสูงสุดได้รับมอบหมายไม่ฟ้องก็ถือว่าคดีนั้นเสร็จสิ้นไป เป็นไปตามระเบียบของอัยการอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความมั่นใจ นายวิญญัติกล่าวว่า ความมั่นใจนั้นบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือตัวเลขไม่ได้ แต่เราขอต่อสู้ตามสิทธิ ตามพยานหลักฐาน ตามข้อกฎหมาย ซึ่งมี 2 เรื่องจากข้อกล่าวหาคือ พ.ร.บ.คอม กับมาตรา 112 เราต้องต่อสู้ว่าเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ต้องมีข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนเราก็เสนอให้ทางอัยการสูงสุด ถ้าท่านเห็นว่ามีประโยชน์ทำให้การสอบสวนครบถ้วนและต้องเป็นธรรม ท่านก็จะให้สอบเพิ่มเติม ก็อย่างที่เห็นท่านให้สอบเพิ่มเติม ตนก็พูดได้เท่านี้เพราะไม่สามารถลงรายละเอียดคดีได้
นายวิญญัติกล่าวว่า ในเรื่องคดีท่านก็มั่นใจอยู่แล้ว เพราะท่านไม่มีเจตนา ส่วนการใช้ชีวิตก็ปกติตามปุถุชน ท่านก็เป็นคนชรา มีอาการบาดเจ็บและได้รับการรักษา ขั้นตอนต่อไปท่านก็ต้องดูแลตัวเอง