ญาติ-ชาวบ้านผวา ไม่กล้าออกนอกบ้าน ผู้ต้องหาพยายามฆ่าหนีหมายจับ ลั่นจะยิงกำนันผญบ.ปลัดอำเภอ ยังลอยนวล
28 เม.ย. 2567, 11:21
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ปฏิบัติการร่วมกับตำรวจชุดราชเดช จ.ชุมพร และสุนัขดมกลิ่น พร้อมด้วย ฝ่ายปกครองอำเภอสวี ปลัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 26/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 ทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 27 ม.10 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร เพื่อจับกุมนายสมชาย หนูภักดี อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.10 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 76/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567
ในความผิดฐาน ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควรในเมือง หมู่บ้านและทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยขู่เข็ญ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พยายามฆ่า แต่หนีรอดการจับกุมไปได้อย่างลอยนวล เพราะผู้ต้องหารายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้รอบๆทางเข้าบริเวณบ้านพักจึงเห็นความเคลื่อนไหวทั้งหมดก่อนเจ้าหน้าที่เข้าจู่โจมปิดล้อม โดยมีพฤติกรรมก่อนเกิดเหตุใช้มีดฟันรถพ่อค้ารับซื้อกล้วยหอม ฟันรถเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เผาทรัพย์สินชาวบ้าน ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลวิสัยใต้ เหิมหนักหลังหนีรอดจาการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ยังข่มขู่ประกาศจะฆ่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและปลัดอำเภอสวีด้วยตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าคดีดังกล่าวปรากฏว่าผ่านมา 9 วัน เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวนายสมชาย ผู้ต้องหาพยายามฆ่ารายนี้ได้ ทำให้ชาวบ้านที่นายสมชายเคยก่อเหตุไว้ต้องอยู่อย่างกวาดกลัว บางรายซื้อกล้องวงจรปิดติดไว้บริเวณบ้านพัก โดยเฉพาะครอบครัวของนายมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสียหายเป็นที่มาของการอกหมายจับนายสมชายในข้อหาพยายามฆ่าและข้อหาอื่นๆนำไปสู่การจู่โจมปิดล้อมบ้านพักนายสมชายเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา
ด้านนางสาวชญาภา พรมมาศ อายุ 30 ปี ผู้เสียหายและเป็นญาติกับนายสมชาย ผู้ต้องหาตามหมายจับพยายามฆ่า เปิดเผยว่าวันนี้(27 เม.ย.)ได้ทำหนังสือถึงนายสมชาย ผู้ต้องหา เรื่องแจ้งให้ทราบถึงสิทธิ์อาศัยบนที่ดิน นส.3 ก.เลขที่ 1089 โดยสรุปประมาณว่า นายมนตรีซึ่งเป็นทายาทได้รับมรดกที่ดินจากบิดาบนที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการกล่าวอ้างจากนายสมชายฯ ผู้ต้องหาว่าบิดาของนายมนตรี ได้มอบที่ดินให้กับนายสมชายนั้นไม่เป็นความจริง แท้จริงแล้วเป็นเพียงการให้สิทธินายสมชายอยู่อาศัยและอนุญาตให้ปลูกสร้างบ้านแก่มารดาของนายสมชายฯเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมารดาของนายสมชายฯเสียชีวิต นายมนตรี ฐานะเจ้าของบ้านได้อนุโลมให้นายสมชายฯใช้สิทธิอาศัยอยู่เรื่อยมา ในฐานะญาติคนหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุยิงปืนใส่บุตรสาวคือนางสาวชญาภาฯ ทำให้นายมนตรีทำหนังสือฉบับนี้ส่งให้ นายสมชายอ่านทางแชทข้อความเฟสบุ๊ก เพื่อจะมีการพิจารณาเรื่องสิทธิอาศัยที่ให้แก่นายสมชายฯใหม่อีกครั้ง
ผู้เสียหาย เปิดเผยอีกว่า ต่อมานายสมชายได้อ่านแชทข้อความดังกล่าวและได้ต่อว่าด่าทอต่างๆนานา พร้อมทั้งมีการโพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คว่า “หมาจนตรอกระวังกันนะกูม่มีทางไปน๊ะกูขอแลกด้วยชีวิตมีความกต้องเป็นที่ตั้งเข้าใจตาม” ซึ่งมีการโพสข้อความผ่านเฟสบุ๊ค คาดว่านายสมชายซึ่งเป็นคู่กรณียังอยู่ในพื้นที่ ขณะนี้คอบครัวหวาดกลัวเกรงว่านายสมชายได้ก่อเหตุร้ายขึ้นอีกและไม่กล้าออกนอกบ้านขณะเดียวกันที่บ้านมีคนแก่ต้องการไปหาหมอก็ออกจากบ้านไม่ได้ห่วงความปลอดภัย
และขณะเดียวกันในช่วงคืนและช่วงเช้าวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายจุดไฟเผาเครื่องพ่นยาทุเรียนที่วางอยู่ในสวนหลังบ้านของนางส่งเสริม อายุ 55 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 10 ตำบลวิสัยใต้ ไฟไหม้พังเสียหายมูลค่า 15,000 บาท และเคยถูกนายสมชายฯใช้มีดฟันรถยนต์กระบะโดยที่เป็นข่าวเมื่อสองวันที่ผ่านมา
อีกรายเป็นรถยนต์กระบะของชาวบ้านหมู่ 10 ที่จอดอยู่หน้าบ้านถูกคนร้ายย่องมาเจาะยางล้อรถจนแบน ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวก็เคยถูกนายสมชายจุดไฟเผาบริเวณหน้าบ้านไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากคดีนายสมชายถูกตีแผ่ออกทางสื่อสำนักข่าวต่างๆเพียง 1 วันเท่านั้น แต่ทั้งสองเหตุการณ์ไม่ยืนยันว่านายสมชายเป็นคนกระทำเพราะไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามถึงความคืบหน้าของคดีและการติดตามตัวนายสมชายฯต่อ พล.ต.ต.ภานุเดช ณ พัทลุง ผู้บังคับการตำรวจภูธร(ผบก.)จังหวัดชุมพร พร้อมกล่าวว่า คดีนี้ต้องเร่งจับให้ได้ แต่ตอนนี้ยังจับไม่ได้คาดว่านายสมชายไม่ได้อยู่ในบ้านซึ่งเป็นคนในพื้นที่มีความชำนาญเส้นทาง เจ้าหน้าที่ที่ติดตามต้องระมัดระวัง ซึ่งเป็นบุคคลไม่ธรรมดาพฤติการณ์ไม่ปกติ กำลังเร่งติดตามให้เร็วที่สุด”