"ผบก.ตร.กาญจน์" แจงสองแม่ลูกเหยื่อน้ำกรดร้อง "กัน จอมพลัง" เกิดเหตุที่พญาตองซู ประเทศเมียนมา ก่อนถูกนำตัวมารักษาในไทย
29 เม.ย. 2567, 14:07
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ได้นำรูปภาพสภาพสองแม่ลูกที่ถูกราดด้วยน้ำกรดเข้าตามใบหน้าและร่างกายมาโพสต์ลงในเฟสบุ๊ก เมื่อทุกคนเห็นต่างรู้สึกหดหู่และสรสารสองแม่ลูกเป็นอย่างมาก โดย กัน จอมพลัง ได้เขียนระบุว่า
เรื่องราวชวนหดหู่ใจ โดยเป็นเรื่องราวของสาวที่ถูกเมียใหม่นำน้ำกรดมาราดใส่ จนทำให้หูหลุด ใบหน้าผิดรูป แถมลูกน้อยวัย 8 เดือนยังโดนด้วยจนตาบอดทั้ง 2 ข้างด้วย“แม่อุ้มลูก 8 เดือนจาก กาญจนบุรี มาขอให้ผมช่วย แม่ถูกเมียคนที่ 2 ของพ่อ ย่องเอาน้ำกรดมาราดหัวแม่ตอนอาบน้ำน้อง 8 เดือน จนแม่หูหลุดหน้าเหลวผิดรูปแขนใช้ได้ข้างเดียวเละทั้งตัว แม่พยายามอยู่นิ่งๆเพื่อไม่ให้น้ำกรดโดนน้อง แต่ก็ไม่พ้นเมียอีกคนของพ่อเห็นน้องจึงเอาน้ำกรดราดใส่น้องทั้งตัวจนตาบอด 2 ข้างหน้าตัวเละเหลวผิดรูปปัจจุบันพ่อทิ้งแม่และลูกไปมีเมียใหม่ คนก่อเหตุลอยนวล ผมรับปากช่วย” “เคสแบบนี้ต้องเจอผม สงสารน้องมาก ส่งน้องตกนรกทั้งเป็นเลย มันจะได้รับผลของการกระทำอย่างสาสม”
จากกรณีข้างต้นพล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตํารวจภูธร(ผบก.ภ.จว.)กาญจนบุรีจึงเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งได้รับรายงานข้อเท็จจริงจาก พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่ นางเกตีฯ อยู่บ้านเช่าไม่ทราบเลขที่ ซ 3 เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา และกำลังอาบน้ำให้ ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว)อยู่ ต่อมาได้มี น.ส.ชอนฯ สัญชาติเมียนมา มาหาที่บ้าน และได้ใช้น้ำกรดบรรจุในขวดพลาสติกสีเหลือง จำนวน 1 ขวด สาดใส่ นางเกตีฯ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ ใบหน้าด้านขวา ใบหู คอ และร่างกายทั้งตัว และ ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า ร่างกายทั้งตัว และตาบอดทั้งสองข้าง
โดยมีคนเรียกรถพยาบาล นำตัวนางเกตีฯ และ ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว ไปรักษาที่อนามัยในอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา แล้วส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ(รพ.สต.)บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี และส่งต่อไปรักษาที่ รพ.สังขละบุรี แล้วส่งต่อไป รพ.พหลพลพยุหเสนาก่อนจะส่งแยกกันไปรักษา ที่ รพ.นพรัตน์ราชธานี และ รพ.ศิริราช โดยนางเกตีฯ ใช้เวลารักษาตัว 3 เดือน ด.ญ.ก่อหญ้าฯ ลูกสาว ใช้เวลารักษาตัว 5 เดือน
ต่อมา (9 มี.ค.67) นางเกตีฯ จึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.สังขละบุรี ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ชอน ไม่มีชื่อสกุล สัญชาติเมียนมาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ได้ทำการสอบสวนผู้กล่าวหา พยานไว้แล้ว และได้ทำหนังสือเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ ตช. 0022 (กจ).3(14)/716 ลงวันที่ 12 มี.ค.2567 “เรื่องขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร หรือ ไม่
ต่อมาตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0033.1/245 ลงวันที่ 5 เม.ย.2567 “เรื่อง คืนเรื่องการสอบสวนกรณีขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20” อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ เกิดขึ้นและสำเร็จลงในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักรไทย โดยไม่ปรากฎว่ามีการกระทำส่วนหนึ่งส่วนใดได้กระทำในราชอาณาจักไทย