ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ลุยช่วยภัยแล้ง คาดประมาณกลางเดือน พ.ค.นี้ สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย พร้อมเตรียมวางแผนทำระบบชลประทานคลอบคลุมทั้งหวัด
3 พ.ค. 2567, 00:04
วันที่ 2 พ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายวัจนปกรณ์ พงษ์พานิช ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ในพื้นที่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ ว่า ในพื้นที่อำเภอปรางค์กู่ มีพื้นที่ซึ่งระบบประปาไม่สามารถจ่ายน้ำได้ ซึ่งในวันนี้ ตนได้เดินทางลงพื้นที่ทั้งหมด 2 จุด ประกอบด้วย บ้านนาดี ตำบลโพธิ์ศรี ปัญหาคือ ระบบประปาหมู่บ้านผลิตน้ำได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ได้ใช้รถบรรทุกน้ำ จัดหาน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายจะได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ และจุดที่ 2 ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดสูบส่งน้ำ จากแหล่งน้ำห้วยวังจาน บ้านสนาย ม.8 ตำบลพิมาย ไปยังบ่อพักน้ำ เพื่อผลิตน้ำประปาของ เทศบาลตำบลปรางค์กู่ ซึ่งจุดดังกล่าวได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากได้เติมน้ำแล้ว มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการผลิต เพื่อแจกจ่ายในระบบประปาของพื้นที่ และยังต้องดำเนินการต่อเนื่องเป็นห้วงๆ หากยังไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า จากการประเมินสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ คาดการณ์ว่า ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2567 นี้ สถานการณ์ภัยแล้งคงจะเริ่มคลี่คลายและเบาบางลง ซึ่งตนขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ขณะนี้ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน และพร้อมที่จะแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคให้ประชาชนพ้นจากภาวะภัยแล้ง และที่สำคัญ ให้ประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด ซึ่งในอนาคต ทางจังหวัดจะได้วางแผนระยะกลาง และระยะยาว ทั้งในเรื่องการเพิ่มแหล่งน้ำดิบ และระบบชลประทานที่คลอบคลุมให้มากขึ้นทั่วทั้งจังหวัดของเรา