วันนี้ ( 17 พ.ค.67 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเรื่องกรณีมีความพยายามนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า เรื่องดังกล่าว เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทุกกระทรวง มีนโยบายของตนเองได้ ซึ่งกัญชาถูกปลดล็อคออกจากการเป็นยาเสพติดมาแล้ว สองปีที่ผ่านมา มีการศึกษาเรื่องข้อดีข้อเสียแล้ว  หากถอยกลับไปเป็นยาเสพติดใหม่ จะต้องดูข้อดีข้อเสีย และดูในกลุ่มของผู้ลงทุน ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับเรื่องกัญชาและกันชงด้วย  หากนำกลับไปเป็นยาเสพติดจะต้องดูเรื่องของการเยียวยาคาดว่ามีมูลค่านับ 10,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะกระทบกับโรงงานผู้ผลิต ร้านค้า ร้านจำ ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชา นอกจากนี้ ยังให้กลับไปดูข้อมูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในช่วง ที่มีการดึงกัญชาออกจากกันเป็นยาเสพติด ซึ่งนโยบายกัญชาเสรีเกิดขึ้นในปี 2562 ไม่ใช่ปี 2566

"ไม่ได้ยอมหรือไม่ยอม แต่เมื่อมติคณะกรรมการออกมาแบบนี้ และมหาดไทยก็อาจมีกรรมการ กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งภูมิใจไทยก็มีข้อมูลที่ไปพูดคุยให้ข้อมูล ใครบอกว่าเที่ยวนี้ผมยอม เคยเห็นผมยิ้มๆ แบบนี้ ผมยอมหรือเปล่า" นายอนุทิน กล่าว

สำหรับจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวกับเรื่องกัญชานั้น ขอให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงไปแล้ว หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องมีการชี้แจงให้เกิดการยอมรับให้ได้

ด้าน นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะในขณะที่เป็น ส.ส. เคยเสนอร่างกฎหมายการใช้ประโยชน์จากกัญชงกัญชา   ซึ่งการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ  แม้ว่าจะอยู่ในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล แต่เห็นว่าควรมีกฎหมายที่ดีในการควบคุมกัญชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ควรมีการสำรวจ หลังจากปลดล็อคแล้วจะเป็นประโยชน์มากกว่าหรือไม่  ส่วนเรื่องของยาบ้านั้นเห็นด้วย จึงมองว่าแนวทางของพรรคภูมิใจไทย ควรให้ใช้อย่างระมัดระวัง เพราะกัญชาเป็นพืชสมุนไพร ก็มีข้อดี หากมองด้วยความรอบคอบจะสร้างประโยชน์มากกว่า  เชื่อว่า เรื่องนี้คงไม่กลายเป็นเรื่องบาดหมางในรัฐบาล