เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



พงส.บึงกาฬ สอบสวน "สตีฟ" ผู้ต้องหาชาวเบลเยี่ยม ลั่นไกยิงเพื่อนร่วมชาติดับ เผาศพอำพราง


27 พ.ค. 2567, 07:47



พงส.บึงกาฬ สอบสวน "สตีฟ" ผู้ต้องหาชาวเบลเยี่ยม ลั่นไกยิงเพื่อนร่วมชาติดับ เผาศพอำพราง




เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 26 พ.ค พ.ต.ท.ประภาส ทองคำภา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เซกา จ.บึงกาฬ ได้นำตัว นายสตีฟ มิลเซล โจเอล โรชินญง (Mr.Steve Rossgnon) อายุ 42 ปี ที่อยู่ 67 ม.9 ต.ซาง อ.เชกา ออกมาจากห้องขังเพื่อมาสอบสวนถึงสาเหตุในการฆาตกรรมเพื่อนร่วมชาติในครั้งนี้ หลังจากถูกจับและรับสารภาพได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .22 ยิง นายคริสตอปฟ์ Mr.Christophe Hercot อายุ49ปี พักอาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทย บ้านซ่อมกอก ต.ซางสัญชาติเบลเยียมด้วยกันเสียชีวิตบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ม.10 ต.เซกาใต้ บริเวณริมอ่างเก็บน้ำอ่างกะซะ อ.เซกา จ.บึงกาฬ แล้วลากตัวผู้ตายให้เผานั่งยางข้างบ้านก่อนจะขับรถยนต์บรรทุก จักรยานยนต์ของผู้ตายไปทิ้งข้ามจังหวัดกว่า 60 กิโลเมตร แต่ถูกตำรวจสืบสวน ภ.4 ที่ไปดักจับยาเสพติดสงสัยพฤติการณ์ จึงเข้าไปสอบถามแต่ด้วยความตกใจจึงขับรถหนีแต่ถูกตามสกัดจับตัวได้ โดยมี นางสาวศิราพร ทองแดงภรรยาและนายนฤมิตร จำปาทอง ทนายมารับฟังการสอบสวนในครั้งนี้ด้วย

 

 

 



จากการสอบสวนนายสตีฟ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าสาเหตุการฆาตกรรมเพื่อนร่วมชาติในครั้งนี้ เนื่องจากว่าตนได้เข้ามาอาศัยในหมู่บ้านซาง ต.ซาง อ.เซกาเพื่อมาดูแลภรรยาและครอบครัวซึ่งมีบุตรกับภรรยาที่เป็นคนไทยด้วยและกำลังก่อสร้างบ้านพักหรือโกดังเก็บของเพื่อเป็นที่ซ่อมรถ แต่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จในระหว่างนี้มีนายคริสตอปฟ์ เฮอคอท อายุ 49 ปี เพื่อนชาวเบลเยี่ยมด้วยกันและมีภรรยาคนไทยอยู่หมู่บ้านใกล้เคียงในตำบลเดียวกันคือตำบลซางได้มาช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆอยู่ด้วย แต่ตายมีพฤติกรรมรีดไถเงินและข่มขู่ขอเงินตนเองไปใช้เป็นประจำตนเองก็มีให้บ้างไม่มีให้บ้างซึ่งล่าสุดก็ขอเงินใช้เป็นจำนวนเงินถึง 850,000 บาท พึ่งตนเองก็ปฏิเสธไปว่าเงินตัวเองก็ไม่พอใช้และก็ใช้ในการก่อสร้างบ้านและเลี้ยงดูครอบครัวจึ งปฏิเสธไปแต่ก็ถูกพูดตายเซ้าซี้ส่ง message มาข่มขู่อีกว่าให้หาเงินมาให้ด่วน เนื่องจากตัวเองมีความจำเป็นจะต้องใช้เงินเพื่อหาเลี้ยงตัวและก็หาบ้านพร้อมกับชำระหนี้ ตนเองก็ไม่ตอบและก็ไม่ใส่ใจแต่ก่อนวันเกิดเหตุผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์มาพบที่บ้านที่กำลังก่อสร้างและได้ข่มขู่เอาเงินกับตนเองอีกครั้ง โดยบอกว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะเผาบ้านและทำร้ายครอบครัวตนซึ่งเป็นคำขู่ที่เคยขู่เดิมๆมาก่อนจนทำให้ตนและครอบครัวต้องเครียดส่วนลูกก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะเกรงถูกผู้ตายทำร้าย

                เมื่อตนเองปฏิเสธไม่ให้เงินตามคำขู่ผู้ตายจึงคว้าเอาเหล็กเส้นที่วางอยู่ในบ้านที่ก่อสร้างยังไม่เสร็จวิ่งจู่โจมเข้ามาจะแทงตน ดังนั้นตนจึงชักปืนสั้น ขนาด .22 มม.ออกมายิงสวนไป 3 นัดซ้อนทำให้ผู้ตายล้มลงขาดใจตายทันที หลังจากนั้นจึงลากศพออกจากบ้านไปโยนลงหลุมใกล้บ้านพร้อมนำเอายางรถยนต์เก่า 2 เส้นและเศษไม้เศษกระดาษต่างๆไปสุมไฟเผา ผู้ตายแล้วก็นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขึ้นรถยนต์ของตนขับหนีไปยังเขต จ.นครพนมตามเส้นทางหมายเลข 212ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 60 กิโล ขณะที่ตนจอดรถข้างทางเปิดท้ายรถเพื่อจะนำรถจักรยานยนต์ทิ้งลงสระน้ำข้างทางเขตบ้านโนนสมบูรณ์หมู่ 9 ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนมนั้น ได้มีบุคคลซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นตำรวจเข้ามาสอบถามว่าทำอะไรด้วยความตกใจจนถึงขับรถหนีเข้าไปตามเส้นทางไปเขตอำเภอนาทม จังหวัดนครพนม ระหว่างนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาทม ดักจับกุมตัวได้ เบื้องต้นก็รับสารภาพว่าได้ฆ่าเพื่อนร่วมชาติตายและกำลังทำลายรถจักรยานยนต์ของผู้ตายดังกล่าว จึงถูกแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ซ่อนเร้นอำพรางศพ และฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา

 

 


ทางด้านนายนฤมิตร จำปาทอง ทนายให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าผู้ตายมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลชอบข่มขู่รีดไถเอาเงินกับผู้ต้องหาประจำ ซึ่งก็มีเงินให้บ้างไม่ได้ให้บ้างล่าสุดขอเงิน 850,000 บาทและถ้าไม่ได้ก็ขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัวทำให้ลูกความตัวเองมีความเครียดลูกๆก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากคำขู่ของผู้ตาย ส่วนการขอปล่อยตัวชั่วคราวนั้น ก็จะยื่นรองดูคงต้องบรรยายให้ศาลทราบถึงความจำเป็นและรายละเอียดในการกระทำความผิดในครั้งนี้ เพื่อให้ศาลเห็นใจและปล่อยตัวชั่วคราว แต่ก็เกรงอยู่ว่าจะไม่ได้รับประกันเนื่องจากเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจะต้องดูเงื่อนไขการให้ประกันตัวอีกครั้งหนึ่ง

                ทางด้าน พ.ต.ท.ประภาส ทองคำภา หัวหน้าพนักงานสอบสวนได้กล่าวว่าตามหลักแล้วจะต้องยื่นคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีโทษร้ายแรงและเป็นชาวต่างชาติด้วยเกรงจะหลบหนีออกนอกประเทศ ส่วนความผิดในข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองและซ่อนเร้นอำพรางศพผู้ ต้องหารับสารภาพ ส่วนคดีเจตนาฆ่านั้นผู้ต้องหาให้การว่าเป็นการป้องกันตัวแต่ยอมรับว่าได้ฆ่าผู้ตายจริงแต่ไม่มีเจตนาฆ่า

 ส่วน นางสาวศิวารัตน์ ทองแดง ญาติของภรรยาผู้ต้องหาให้การว่าปกติผู้ต้องหาเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ญาติพี่น้อง มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาโดยเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ขอบวชเพื่อทดแทนบุญคุณคุณพ่อที่เสียชีวิตอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมเป็นเวลา7วัน

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.