โซเชียลประสานเสียงวิจารณ์ยับ! บัสนำเที่ยวผู้โดยสารเต็มคันขับย้อนศร โนสนโนแคร์ผู้ร่วมทาง
5 มิ.ย. 2567, 07:42
วันนี้ 4 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า “เพจคนเมืองกาญจน์2(รีเทิร์น)” ได้แชร์โพสต์จากผู้ใช้เฟสบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ชื่ออะไร ยังคิดไม่ออก” โดยเป็นคลิปรถบัสนำเที่ยวปรับอากาศสองชั้น สีชมพูมีลายรอบคัน กำลังขับย้อนศร บนถนนทางหลวงหมายเลข 323 สายกาญจนบุรี - แก่งเสี้ยน บริเวณหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ริมถนนแสงชูโต ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยคลิปวิดีโอเผยให้เห็นรถบัสคันดังกล่าวกำลังขับย้อนศรจากแยกแก่งเสี้ยนเรียบทางเท้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะขับข้ามไปเกาะกลางยูเทิร์น เพื่อข้ามฝั่งถนนมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจน์ โดยมีเสียงของผู้ถ่ายคลิปพูดว่า “งานนี้นี่ประเทศไทย ผู้โดยสารเต็มคันๆ ย้อนศรแม่งซะงั้น ผู้โดยสารไม่ตกใจแย่หรอว่ะเนี่ย ยังไงครับความมักง่าย” พร้อมซูมไปที่ทะเบียนของรถบัสคันดังกล่าว ซึ่งเห็นหมายเลขทะเบียนอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ผู้โพสต์ยังระบุด้วยว่า “#ความมักง่าย..ของเห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงความปลอดภัยของเพื่อนมนุษย์บนท้องถนนกันเลย..(คุณขับรถแบบนี้ใครจะกล้าใช้บริการคุณอีก)”
หลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปทำให้มีผู้เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก โดยแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันถึงพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดกฎหมายจราจรของคนขับรถคันดังกล่าวซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง อาทิ “แหมม..ถ้ามีทะเบียนหรือป้ายบอกบริษัทชัดเจน อยากให้ยึดใบอนุญาตคนขับ ตลอดชีวิตครับ แบบนี้ไม่สมควรขับรถให้บริการผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่ง นิสัยมักง่าย แบบนี่อุบัติเหตุไม่เกิดตอนนี้แต่กับคนขับนิสัยแบบนี้จะต้องเกิดสักวัน จะพาคนอื่นเดือนร้อนอันตรายถึงชีวิต เสียทรัพย์ เสียชีวิต” “อันตราย กับคนอื่นๆ ที่ใช้ถนนมาก มักง่ายสุด” “ไม่นึกถึงเพื่อนบนท้องถนน ก้อนึกถึงคนที่ใช้บริการคุณก็ได้มั้ง” “ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อนเพราะความมักง่าย รถทางตรงเร็วมากเส้นนี้”
พร้อมถามถึงใบอนุญาตขับขี่ว่าสอบผ่านมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่คนขับรถรับจ้างสาธารณะ บรรทุกผู้โดยสารจำนวนมาก ควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ขณะที่ผู้โพสต์ระบุด้วยว่า ได้แจ้งทางกรมการขนส่งทางบกให้ทราบถึงพฤติกรรมของคนขับรถคันดังกล่าวเพื่อให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายแล้ว เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และนอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารที่นั่งโดยสารมาเต็มคันแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ใช้ถนนร่วมกันอีกด้วย