สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานความมั่นคงของยูเครน(SBU)เปิดเผยว่า สถานการณ์ในเมืองคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เริ่มทรงตัว หลังจากรัสเซียส่งทหารบุกประชิด หวังยึดเมืองเมื่อเดือนก่อน เนื่องจากยูเครนได้ส่งทหารเข้าตรึงพื้นที่ในด่านหน้า ตลอดชายแดนยูเครนที่ติดต่อกับรัสเซีย 1,000 กม. นอกจากนั้น ผลจากการที่ยูเครนได้รับการสนับสนุนอาวุธเพิ่มเติมจากสหรัฐฯและชาติตะวันตก อีกทั้งอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธเพื่อโจมตีเป้าหมายต่างๆแม้กระทั่งอยู่ในดินแดนของรัสเซีย ช่วยให้ยูเครนสกัดการรุกคืบของรัสเซีย และเริ่มส่งผลในทางบวกต่อกองทัพยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย

เจ้าหน้าที่ SBU กล่าวว่า ขณะนี้ กองทัพยูเครนสามารถจะโต้กลับและบุกเข้ายึดดินแดนบางส่วนคืนมาจากรัสเซีย เช่น ดินแดนที่ถูกรัสเซียบุกยึดเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่เจ้าหน้าที่ SBU ยอมรับว่า ยูเครนยังคงขาดแคลนระบบป้องกันทางอากาศที่จะยิงสกัดระเบิดนำวิถีความแม่นยำสูงจากรัสเซีย เช่น ขีปนาวุธรุ่น  S-300 และรุ่น S-400

ก่อนหน้านี้ พันธมิตรจากชาติตะวันตกส่วนใหญ่ แสดงท่าทีอิดออด ไม่อยากให้ยูเครนใช้อาวุธที่สหรัฐฯและชาติตะวันตกส่งมอบให้ เพื่อโจมตีในดินแดนของรัสเซีย หวั่นเกรงว่าอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับรัสเซีย พร้อมให้ยูเครนจำกัดการใช้อาวุธดังกล่าวเฉพาะการโจมตีค่ายทหารรัสเซียที่อยู่ในยูเครน รวมถึงดินแดนยูเครนที่อยู่ในความยึดครองของรัสเซีย แต่หลังรัสเซียบุกเมืองคาร์คิฟเมื่อเดือนก่อน ฝรั่งเศสและเยอรมนี เป็นชาติแรกๆของยุโรปที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ประเทศทั้งสองส่งมอบให้ เพื่อโจมตีเป้าหมายต่างๆในรัสเซีย ต่อมา ที่สำคัญที่สุดคือ สหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธต่างๆที่ได้รับจากสหรัฐฯเพื่อโจมตีรัสเซียในการสู้รบในพื้นที่โดยรอบเมืองคาร์คิฟด้วย

นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯกล่าวว่า สหรัฐฯต้องการเพิ่มขีดความสามารถของยูเครนในการโต้กลับ เช่น อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธจากสหรัฐฯโจมตียังฐานปล่อยจรวดและฐานปล่อยโดรนในดินแดนรัสเซีย เพื่อสกัดการโจมตียังยูเครน พร้อมคาดว่า การสนับสนุนด้านอาวุธของสหรัฐฯจะส่งผลดีต่อป้องกันดินแดนของยูเครนในระยะยาว

นอกจากนี้ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)จะส่งเครื่องบินรบรุ่น F-16 สำหรับยูเครนในเร็วๆนี้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสให้คำมั่นจะส่งมอบเครื่องบินรบรุ่นมิราจ 2000-5 สำหรับยูเครนระหว่างที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนเยือนฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิเคราะห์ คาดว่า การได้รับอาวุธเพิ่มเติมจากชาติตะวันตกและการที่ยูเครนเกณฑ์ทหารใหม่เข้ามาในกองทัพจะช่วยให้กองทัพยูเครนมีความพร้อมมากขึ้นในการสู้รบกับรัสเซีย