เวลา 02.30 น. วันที่ 20 มิ.ย.2567 ร.ต.อ. สุจิตร มีนำพรรณ รอง สว.(สอบสวน)สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุแทงกันตาย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 201/407 การเคหะเอื้ออาทร อยู่วิทยา การเคหะแห่งชาติ ซอยอยู่วิทยา 12 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.ลำผักชี เจ้าหน้าที่สายตรวจและสายสืบสนลำผักชีจำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรนิติเวชรพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์2ชั้นบริเวณถนนหน้าบ้านดังกล่าวพบศพนายอภิรักษ์  อายุ 41 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือดสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งโสร่งลายสก็อต มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกแทงคอ ใต้คาง และแขนซ้าย  รวม 3 แผล ในตัวพบยาไอซ์ประมาณ 1 กรัม ในถุงพลาสติกรูดปิดเปิด ภายในบ้านห้องโถงชั้นล่างพบร่องรอยการต่อสู้ คาบเลือดและพบอาวุธมีดพกยาวประมาณ7นิ้ว เปื้อนเลือดตกอยู่เก็บไว้เป็นหลักฐาน

มีนายภาณุพงษ์  อายุ 25 ปี ผู้ช่วยทำหมันหมาแมวฟรีของมูลนิธิซอยด๊อก ย่านถนนติวานนท์ และเป็นลูกเลี้ยงผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุยืนรอมอบตัวในที่เกิดเหตุยังไม่ให้การเจ้าหน้าที่รีบควบคุมตัวไปสอบสวนที่สน.ลำผักชี

น.ส.มาริยา  อายุ 42 ปี มารดานายภาณุพงษ์แม่ค้าขายผลไม้เร่ มีแผลบวมช้ำที่ใบหน้าให้การว่า นายอภิรักษ์ผู้เสียชีวิตเป็นสามีไม่ได้ทำงานอะไร ส่วนนายภาณุพงษ์เป็นลูกสามีเก่าเลิกกันและเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่นายภาณุพงษ์ยังเด็ก

นายอภิรักษ์ เคยติดคุกมา 13 ปี ร่วมก่อคดีปล้นฆ่าพื้นที่สน.ฉลองกรุงออกจากคุกมาอยู่กินกับตนได้ประมาณ 6 ปีแล้ว ปกติตนจะอยู่บ้านสามีที่หมู่บ้านนันทวัน ซอยสังฆสันติสุข34 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.นายอภิรักษ์เป็นคนอารมณ์ร้อน หึงหวง ชอบเอามีดพกติดตัวออกมาข่มขู่ เวลาเมาชอบทำร้ายตน หาเรื่องตบตีตนได้เกือบทุกวัน ตนทนไม่ไหวหนีกลับมาอยู่บ้านหลังเกิดเหตุกับลูกชาย เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ช่วงกลางคืนนายอภิรักษ์มาตามกลับบ้านและทำร้ายตน ก่อนเกิดเหตุมาตามตนกลับบ้านอีกตนไม่ไปเข้ามาทำร้ายตบตีและเอามีดพกติดตัวออกมาขู่

ลูกชายตนกลับเข้ามาบ้านเห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยมีการยื้อแย่งมีดกับพ่อเลี้ยงล้มลงเลือดเต็มตัวตนกับลูกชายช่วยกันผยุงนายอภิรักษ์ออกมานอกบ้านจะส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตก่อนวางศพไว้หน้าบ้านก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่

ด้าน ร.ต.อ.สุจิตร กล่าวว่านายภาณุพงษ์ยอมรับเป็นผู้ก่อเหตุเพื่อต้องการช่วยเหลือแม่ที่ถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยใช้อาวุธมีดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป