เศรษฐีนี "เจ้าของตลาด" ย่านบางใหญ่ แจ้งตร.โดนนายพลข่มขู่ หลังทวงเงิน 2 ล้าน ขณะคู่กรณีแจ้งด้วย บุกรุกข่มขู่
13 มิ.ย. 2562, 17:35
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 13 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่าที่น.ส.ศศิประภา ดีรอด อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.13 ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เศรษฐีนีเจ้าของตลาด ย่านบางใหญ่ พร้อมสามีคือนายณัฐวัฒน์ เอี่ยมแย้ม อายุ 43 ปี กำนันตำบลบางม่วง เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รองผกก.(สอบสวน) สภ.บางใหญ่ เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานหลังถูกโทรศัพท์ลึกลับหมายเลข 062-1419966 โทรมาข่มขู่สามีและตนเองให้ระวังตัว โดยอ้างว่าตนเองเป็นทหารยศนายพล ให้กำนันและภรรยาพาลูกน้องไปขอโทษ น.ส.พัชร์สิตา พิมพ์อภิวานิช อานุ 40 ปี เจ้าของบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ในซอยกันตนา ย่านบางใหญ่ ไม่เช่นนั้นจะไล่ล่าหาความและตั้งข้อหาสามีตนเองเป็นกำนันอิทธิพล
น.ส.ศศิประภา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงก่อนเที่ยงตนเองพร้อมด้วยน้องๆที่เป็นเพื่อนชาย 4 คน เสร็จจากธุระและได้แวะไปหา น.ส.พัชร์สิตา ที่บริษัทในซอยกันตนาเพื่อเอ่ยปากทวงเงิน จำนวน 2 ล้านบาท ที่เพื่อนยืมไปกว่าสองปีแล้วโดยตนไม่ได้คิดดอกเบี้ยแต่อย่างใดเนิ่ืองจากเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่นางสาวพัชร์สิตา กับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าไม่ได้ยืมไปเอาหลักฐานมาสิ ตนเองรู้สึกสียใจจึงบอกไปว่าให้เวลา 7 วัน รีบเคลีรย์ จากนั้นจึงเดินทางกลับออกมา
ระหว่างทางตนเองได้รับแจ้งจากสามีว่ามีโทรศัพท์ลึกลับอ้างเป็นนายพลระดับเจ้ากรมทหาร การที่ตนเองไปทวงเงินนางสาวพัชร์สิตา รู้ไหมว่าเป็นการยุกรุกให้เอาตัวชาย 4 คน พร้อมตนเองกลับไปขอโทษนางสาวพัชร์สิตาด้วยมิเช่นนั้นจะไล่ล่าและให้รองผู้ว่า ปลัด เล่นงานสามีตนในข้อหาเป็นกำนันอิทธิพล ซึ่งสามีตนไม่เคยมีความประพฤติเช่นนั้น ตนเองกับสามีเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงต้องรีบมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพราะกลัวว่าครอบครัวจะได้รับอันตราย "เราเป็นฝ่ายเจ้าหนี้แต่กับมาเป็นฝ่ายถูกกระทำ เงินที่ให้ไปก็ไม่ได้ทำสัญญาหลักฐานใดๆให้ไปเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน" น.ส.ศศิประภา กล่าวในที่สุด
เวลาต่อมา น.ส.พชร์สิตา พิมพ์อภิวานิช ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยศวิน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ศศิประภา ดีรอด กับพวกในข้อหาบุกรุกและข่มขู่ โดยอ้างว่าไม่รู้จักกับ น.ส.ศศิประภาแต่อย่างใด รู้จักเพียงผิวเผินผ่านเพิ่อนๆ ส่วนเงิน 2 ล้าน ที่คู่กรณีบอกว่าให้ตนมาตนไม่ได้รับแต่อย่างใด "เขาให้ใครละ เงินสองล้านให้กันง่ายๆโดย ไม่ต้องทำสัญญาเลยเหรอ " การเข้ามาแบบนี้ถือว่าเป็นการบุกรุกและมาข่มขู่ตนเองกับพนักงานในบริษัทจึงขอแจ้งความบ้าง
ทางด้าน พ.ต.ท.ยศวิน กล่าวว่า ทางฝ่ายนางสาวพัชร์สิตามาแจ้งความคู่กรณีบุกรุกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความไว้ และต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐานส่วนคดีจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาจะพิจาราณาสั่งการ ตำรวจเราให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว